วันนี้ (2 ก.ย.2568) เป็นอีกวันหนึ่งที่พรรคประชาชนเรียกประชุม "กรรมการบริหารพรรค" เพื่อกำหนดแนวทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 หลังจากเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.2568) เปิดรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นกับ สส.ของพรรคแล้ว สรุป ออกมา 3 แนวทาง คือ "เลือกภูมิใจไทย-เลือกเพื่อไทย-ไม่เลือกใคร"
สถานการณ์การเมือง 2 ขั้วกับ 3 พรรคการเมือง กรณีการเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 กำลังเป็นคำถามว่า พรรคที่ 3 อย่างพรรคประชาชน ก้าวเข้ามาเกี่ยวข้องและยื่นข้อเสนอ "เพื่ออะไร" และสุดท้ายจะได้ "อะไร" จากการใช้เสียงร่วมสนับสนุน พรรคใดพรรคหนึ่ง

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
จังหวะ "คาบลูก คาบดอก" ที่พรรคประชาชน ยังไม่ตัดสินใจเลือกหรือยังเลือกไม่ได้ ทำให้ต้องกางไทม์ไลน์ เหตุการณ์ประกอบกับเงื่อนไข แล้วประมวลออกมาข้อสังเกตทางการเมือง เพื่อหาคำตอบว่าพรรคประชาชน เข้ามาเกี่ยวข้องกับเกมชิงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ระหว่าง "เพื่อไทยกับภูมิใจไทย" ทำไม
กางไทม์ไลน์ การจะมีนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 มาจากพรรคเพื่อไทย ภายใต้โจทย์ที่จะเป็น "รัฐบาลเฉพาะกาล" ที่สามารถประกาศยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ก่อน 4 เดือนก็ได้ และการขับเคลื่อนแก้รัฐธรรมนูญเพื่อยกร่างใหม่ทั้งฉบับแล้ว ในช่วงเวลาที่ว่านั้น จะพบว่าห้วงเวลานี้อาจออกมาชี้มูล คำร้อง 44 สส.พรรคก้าวไกลเดิมก็เป็นไปได้

ไม่ต่างกับไทม์ไลน์ ที่จะมีนายกรัฐมนตรี ชื่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" แม้จะรับรู้ได้ว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ยังคาบเกี่ยวกับ คดี 44 สส. ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม และหากส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อศาลฯ รับคำร้อง ก็เท่ากับ 25 สส.พรรคประชาชน ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
เพื่อต่อรองคดี 44 สส.พรรคก้าวไกลเดิม ซึ่งหมายถึงเส้นทางการเมืองของ 25 สส.พรรคประชาชน คือหนึ่งในคำตอบที่อาจเป็นไปได้ว่าพรรคประชาชนต้องกระโดดลงมาร่วมเกมชิงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ส่วนอีกข้อสังเกตหนึ่งคือ การปิดช่องทางการกลับมาของใครบางคนหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเลือกข้าง "ภูมิใจไทย"

ข้อสังเกตมีอยู่ว่าฟากฝั่ง "เพื่อไทย" มีชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถึง 3 ชื่อ "ชัยเกษม นิติสิริ" ยังมีชื่อจากพรรคร่วมรัฐบาลอีกคือ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" และ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" แต่ฝั่งของภูมิใจไทย มีชื่อเดียวคือ "อนุทิน ชาญวีรกูล"
และล่าสุดมีคีย์เวิร์ดของนายชัยเกษม คือพร้อม แม้จะมีข้อสังเกต ว่าไร้บทบาท ยังไม่ได้รับแจ้ง หรือยังไม่มีส่วนร่วมเข้าทาบทามพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล

คำอธิบายของนาย ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ระบุว่าเป็นเรื่องภายในพรรคเพื่อไทย ที่รับรู้กัน ซึ่งล่าสุดได้คุยกับคนในพรรคเพื่อไทยเล่าให้ฟังว่า "เพื่อไทย" แม้จะเปิดหน้า "เจรจา-ต่อรอง" แต่ก็มีแผนอื่นรองรับอยู่ด้วย คือหนึ่งขยับเปลี่ยนชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคร่วมฯ? และสองไม่ปฏิเสธว่าท้ายที่สุดหรือสุดท้าย มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในแผนนั้นด้วย
ส่วนสภาฯ ที่วางกรอบวัน เวลาไว้ที่ 3-4-5 ก.ย. โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 แต่ก็ขยับได้ เลื่อนได้ เพียงแต่ต้องแจ้งล่วงหน้า 1 วันก่อนวันเรียกประชุม เพื่อให้ สส. เดินทาง เตรียมพร้อม แต่ก็ข้อสังเกตว่าถ้านัดแรก "ภูมิใจไทย" เพลี่ยงพล้ำได้เสียงโหวตไม่เกินกึ่งหนึ่ง คือ 247 เสียงขึ้นมาจะหมดโอกาสทันที
หรือซ้ำร้ายกว่านั้น เปิดโหวตครั้งแรกแล้ว ทั้ง "เพื่อไทยและภูมิใจไทย" ผิดพลาด ไม่มีพรรคไหนได้เสียงมากกว่า 247 เสียงขึ้นไป ชื่อแรกที่เสนอตกไปทั้งคู่ แต่ "เพื่อไทย" ยังมีก๊อก 2 ชื่อแคนดิเดตจากพรรคร่วมฯ อีก 2 ชื่อ และสามารถเสนอได้เลย หรือได้ในสมัยประชุมนี้ ไม่ต้องทิ้งห่างตามข้อบังคับเป็นสมัยประชุมหน้าในเดือน ธ.ค. เช่นเดียวกับเหมือนชื่อของนายอนุทิน ที่จะเสนอรอบ 2 ได้

สอดรับกับข้อมูลที่คนในพรรคเพื่อไทย อ้างอิงให้ฟังว่าตอนนี้แค่ฉากแรก ยังมีฉากสุดท้าย และข้อมูลที่ว่านี่เป็นเหตุผลให้ พรรคประชาชนต้องกระโดดเข้ามาเกี่ยวข้องกับเกมชิงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ทั้งปิดทาง "เพื่อไทย" ปิดทางชื่อแคนดิเดตของพรรคร่วมฯ บางคน และปิดทางการจับมือกันของ "เพื่อไทยกับภูมิใจไทย" หรือ "เพื่อไทย" คิดจะทอดอายุ รักษาการไว้ และหากไม่สามารถทำอะไรได้ พรรคประชาชนยินดีกับการยุบสภา
ข้อสังเกตที่ว่ามีทั้งความเป็นไปได้ ที่อาจจะเกิดขึ้นจริง หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับพรรคประชาชน จะตัดสินใจเลือกหรือไม่ หรือเลือกไม่ได้ หรือคิดจะไม่เลือก เลือกแล้วได้คุ้มเสียไหมหรือมีแต่จะเสียกับเสีย โดยเฉพาะการสูญเสียหลักคิดและอุดมการณ์ของพรรคที่แท้จริงหรือทั้งหมดนี้พรรคประชาชนยินยอมที่จะเสีย
อ่านข่าว :
วิป 2 ฝ่ายนัด 3 ก.ย.นี้ ถกกำหนดวันโหวตนายกฯคนที่ 32
"เฉลิมชัย" ยังไม่ได้คุย "เดชอิศม์" ปมจะลาออกหากจับมือภูมิใจไทย