วันนี้ ( 3 ก.ย.2568) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 5,717 ราย ซึ่งครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 47.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จากความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีอยู่ในระดับไม่เชื่อมั่นคาดว่ามาจากประชาชนยังมีความกังวลต่อภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายของครัวเรือนและธุรกิจ ประกอบกับสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย อาทิ นโยบายการค้าและภาษีของประเทศคู่ค้าหลัก สินค้าเกษตรไทยที่เผชิญกับการแข่งขันสูงในตลาดโลก ภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวส่งผลต่อรายได้ของธุรกิจบริการ และสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย – กัมพูชา

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) อยู่ในช่วงเชื่อมั่นที่ระดับ 53.7 แม้จะปรับตัวลดลงจากระดับ 54.2 ในเดือนก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ทำให้ประชาชนยังมีความเชื่อมั่นในอนาคตคาดว่ามาจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี เพื่อบรรเทาภาระของประชาชนและภาคธุรกิจ ประกอบกับการส่งออกยังขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อาทิ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา และภัยธรรมชาติในบางพื้นที่ ซึ่งอาจจะเป็นแรงกดดันที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะต่อไป
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 48.15 รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ ร้อยละ 12.89 สังคม/ความมั่นคง ร้อยละ 10.93 ราคาสินค้าเกษตร ร้อยละ 8.50 เศรษฐกิจโลก ร้อยละ 8.05 การเมือง ร้อยละ 7.45 ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ 1.91 ภัยพิบัติ/โรคระบาด ร้อยละ 1.52 และอื่น ๆ ร้อยละ 0.60 ตามลำดับ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 1 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 50.4 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 48.8 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 46.7 และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 46.0 ซึ่งแม้อยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคเหนือลดลง อยู่ที่ระดับ 45.8 จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า มี 1 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น ได้แก่ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 52.0 ในขณะที่มี 6 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยผู้ประกอบการ อยู่ที่ระดับ 49.0 นักศึกษา อยู่ที่ระดับ 48.9 พนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 47.5 อาชีพรับจ้างอิสระ อยู่ที่ระดับ 46.5 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 46.4 และไม่ได้ทำงาน/บำนาญ อยู่ที่ระดับ 45.8 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 37.1 แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า มีปัจจัยภายในประเทศเป็นแรงกดดันสำคัญ ทั้งจากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา และอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือช่วงปลายเดือนก.ค.ที่ยังส่งผลต่อเนื่องมาถึงเดือนส.ค.
ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคธุรกิจ ยิ่งเพิ่มระดับความกังวลของประชาชนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยบรรเทาภาระของประชาชนในสถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าว

ขณะที่ การเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนได้ในอีกทางหนึ่ง อีกทั้งความชัดเจนจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะมีส่วนช่วยลดความกังวลจากสถานการณ์การค้าที่ตึงเครียดในระยะที่ผ่านมาซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจในระยะต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน รวมถึงการช่วยเหลือและส่งเสริมการพัฒนาของภาคธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์จะยังคงดำเนินการมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสนับสนุนภาคการค้าและภาคธุรกิจให้ขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในทุกมิติ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนต่อไป
อ่านข่าว:
ไทยส่งออกสัตว์น้ำได้ฉลุย หลังสหรัฐฯประกาศผ่านเกณฑ์ MMPA
พณ.ดันอาเซียน–อินเดีย ทบทวนข้อตกลงการค้าเปิดทางสินค้าไทย
“เนื้อโคขุน” สุรินทร์ ของดีเมืองไทย รสชาตินุ่ม อร่อยลิ้น ไร้กลิ่นสาบ