เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2568 กรุงปักกิ่งกลายเป็นจุดสนใจของทั่วโลก เมื่อจีนจัดพิธีสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี เพื่อฉลองครบรอบ 80 ปีชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการนำยุทโธปกรณ์ล้ำสมัยจำนวนมากมาแสดงแสนยานุภาพ ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ท่ามกลางการปรากฏตัวของผู้นำชั้นนำ ได้แก่ ปธน.สี จิ้นผิง ของจีน ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งยืนเคียงข้างกันในฐานะแขกกิตติมศักดิ์ พร้อมผู้นำจาก 24 ประเทศที่เข้าร่วมตามคำเชิญ
ภาพประวัติศาสตร์ของ 3 ผู้นำเดินเรียงหน้ากระดาน โดย สี จิ้นผิง ยืนอยู่ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยปูตินและคิม สะท้อนถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาติที่มุ่งสร้างขั้วอำนาจใหม่เพื่อคานอำนาจตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ
ในสุนทรพจน์ก่อนเริ่มพิธี สี จิ้นผิง เน้นย้ำว่าโลกกำลังเผชิญทางแยกระหว่างสันติภาพและสงคราม พร้อมยืนยันว่าจีนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ การสวนสนามครั้งนี้ไม่เพียงรำลึกถึงชัยชนะในอดีต แต่ยังแสดงถึงความพร้อมของกองทัพจีนและทิศทางอนาคตของประเทศ

นักวิเคราะห์มองว่าพิธีนี้เป็นมากกว่าการเฉลิมฉลอง แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่งของจีนและการผนึกกำลังกับพันธมิตรสำคัญอย่างรัสเซียและเกาหลีเหนือ โดยความสัมพันธ์ระหว่างสีและปูตินถือเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ที่แนบแน่น หลังจากทั้งคู่พบกันมากกว่า 40 ครั้ง ขณะที่การปรากฏตัวของคิม จอง อึน ร่วมกับ สี และ ปูติน ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์จีน-เกาหลีเหนือ ซึ่งหักล้างข้อกังขาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่อาจสั่นคลอน หลังจากคิมไม่ได้พบสีต่อหน้าสาธารณชนตั้งแต่ปี 2562
ในระหว่างพิธี ปูติน และ คิม ได้หารือทวิภาคีเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที โดยปูตินกล่าวขอบคุณคิมสำหรับการสนับสนุนในสงครามยูเครน พร้อมชื่นชมความกล้าหาญของทหารเกาหลีเหนือที่เข้าร่วมรบ ข้อมูลจากเกาหลีใต้ระบุว่าเกาหลีเหนือส่งทหารไปยังสมรภูมิยูเครนแล้วกว่า 15,000 นาย พร้อมเครื่องกระสุนเพื่อสนับสนุนรัสเซีย คาดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกับเงินและความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอาวุธ
นอกจากนี้ ปูตินยังเชิญคิมเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ ปูตินยังแสดงท่าทีต่อสงครามยูเครน โดยระบุว่าหากยูเครนไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพ รัสเซียจะใช้กำลังทหารเพื่อบรรลุเป้าหมาย พร้อมท้าทายให้ ปธน.โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนเดินทางไปเจรจาที่มอสโก ซึ่งถูกมองว่าเป็นไปได้ยาก

ด้าน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยกล่าวหาว่าจีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือกำลังสมคบคิดต่อต้านสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยืนยันว่าไม่กังวลต่อการรวมตัวของ 3 ผู้นำในพิธีนี้ โดยอ้างถึงความแข็งแกร่งของกองทัพสหรัฐฯ และระบุว่าจีนจะไม่กล้าใช้กำลังทหารโจมตีสหรัฐฯ
การปรากฏตัวของ สี ปูติน และ คิม ในพิธีครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการแสดงแสนยานุภาพทางทหารของจีน แต่ยังสะท้อนชัยชนะทางการทูตของสี จิ้นผิงในการรวบรวมพันธมิตรเพื่อสร้างสมดุลอำนาจในเวทีโลก
อ่านข่าวอื่น :