รุกคืบกระชับพื้นที่ "บ้านหนองจาน - บ้านหนองหญ้าแก้ว" อ.โคกสูง จ.สระแก้ว หลังกองทัพภาคที่ 1 ประกาศใช้กฎอัยการศึก เข้มข้น ขณะที่ "ปริญญา โพธิสัตย์"ผวจ.สระแก้ว ขยับด้วยการลงนามในหนังสือถึง "อุม เรียเตรย"ผวจ.บันเตียนเมียนเจย กัมพูชา ให้ย้ายชาวเขมร 170 ครัวเรือน ออกจากพื้นที่ ถ้าไม่ย้ายจะดำเนินการตามกฎหมาย
โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ได้นำป้าย 3 ภาษา ไปติดตั้งตามแนวลวดหนามและจุดแนวเขตกั้น เพื่อป้องกันการบุกรุก โดยมีทั้งหมด 6 ป้าย (หมู่บ้านละ 3 ป้าย) ประกาศให้ชาวกัมพูชารับทราบจุดที่แสดงอาณาเขตของไทยและแจ้งเตือนห้ามรุกล้ำแดนไทย หากฝ่าฝืนมีโทษหนักตามกฎหมาย 3 ฉบับ
ประกอบด้วยพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท ,พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท และหากเข้ามารุกพื้นที่เกิน 25 ไร่ จะมีโทษจำคุก 2–15 ปี ปรับ 10,000–100,000 บาท และพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 จำคุก 1–10 ปี หรือปรับ 20,000–200,000 บาท และหากมีการเข้ามารุกพื้นที่เกิน 25 ไร่ จะมีโทษ จำคุก 4–20 ปี ปรับ 200,000–2,000,000 บาท

ทันที่มีการติดประกาศเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) มีรายว่าเมื่อช่วงสาย ( 4 ก.ย. 2568 )ที่ผ่านมา แนวรบด้านชายแดนบูรพาก็เริ่มขยับ เมื่อทหารเขมรได้นำชาวบ้านจำนวน 150 คนพร้อมด้วยท่อนไม้ครบมือ กดดันขับไล่เจ้าหน้าที่ทหารไทยที่ประจำการอยู่บนดินแดนของไทยบริเวณหลักเขตที่ 46 บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยกองกำลังบูรพา ฉก.ที่ 12 ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ และประสานไปยังผล.พล 15 กัมพูชาให้ควบคุมประชาชนของตนเอง
แม้ พล.ต. สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่1ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 1 ระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหนือความคาดหมายที่มีมวลชนกัมพูชาเข้ามากดดันทหารไทย เพื่อเป็นการแสดงออกก็ปล่อยให้ทำไปซึ่งการติดป้ายดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของไทย หากฝ่าฝืนรุกล้ำเข้ามาหรือทำลายป้ายเหมือนกรณีการรื้อรั้วลวดหนามที่ผ่านมาก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
"ทหารไทย ไม่อยากที่จะแจ้งข้อกล่าวหาชาวเขมรจึงประสานกัมพูชาให้เข้ามาจัดระเบียบคนของตัวเอง ไม่ให้รุกล้ำเข้ามา ส่วนคนที่รุกล้ำพื้นที่บ้านหนองจานต้องมีการจัดระเบียบชายแดน อยู่ระหว่างการหารือในการประชุมคณะกรรมการชายแดนไทยทั่วไปไทย-กัมพูชา เพื่อกำหนดกติกากรอบการปฏิบัติที่ชัดเจน" โฆษกกองทัพภาคที่ 1 ระบุ

หลังเกิดเหตุทีบ้านหนองจานไม่นานนัก พล.ท. อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เดินทางลงพื้นที่ทันที แต่ในช่วงบ่าย การชุมนุมของฝั่งกัมพูชายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังกองกำลังบูรพาตรวจสอบพบความเคลื่อนไหวทางฝั่งกัมพูชามีการเกณฑ์ประชาชนจากนอกพื้นที่ปิดถนนหมายเลข 58 ฝั่งกัมพูชาและเกณฑ์ผู้ที่สัญจรไปมาให้เข้ามาร่วมชุมนุม
ขณะที่นายอุม เรียเตรย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตีย เมียนเจย ได้ทำหนังสือถึงนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วเรียกร้องให้เคารพข้อตกลงหยุดยิงและ MOU ปมสั่งย้ายชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านจกเจยและเปรยจัน
โดยได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายรอผลการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) และคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เนื่องจากการอ้างสิทธิ์เหนือบ้านจกเจยและบ้านเปรยจัน ซึ่งตรงกับพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วในฝั่งไทยนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและปักปันเขตแดนซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของ GBC และ JBC

ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ระบุในหนังสือว่า การกระทำใด ๆ เพียงฝ่ายเดียวที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านจะเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ หรือ MoU ปี 2543, ข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม,เจตนารมณ์ของการประชุม GBC เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ประเทศมาเลเซียและการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระหว่างสองประเทศเมื่อวันที่ 22 ส.ค.
นอกจากนี้ ได้เรียกร้องให้ฝ่ายไทยคงสถานการณ์ชายแดนในปัจจุบันและสถานะของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ไว้เหมือนเดิมและมอบเรื่องนี้ให้ GBC และ JBC ซึ่งเป็นกลไกที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหานี้และมั่นใจว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขอย่างสันติและสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ทางกัมพูชาอ้างว่าพื้นที่เหล่านี้เป็นดินแดนของกัมพูชาและชาวบ้านได้อาศัยอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานานแล้ว นอกจากนี้ชาวกัมพูชาจำ นวนมากที่เคยอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในช่วงและหลังยุคเขมรแดงได้ยืนยันว่า สถานที่เหล่านี้เป็นดินแดนของกัมพูชาอย่างไม่ต้องสงสัย
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วได้ส่งหนังสือถึงนายอุมเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาย้ายชาวบ้านทั้งหมด 170 ครัวเรือน ออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว อ. โคกสูง จ.สระแก้ว ที่อยู่ในดินแดนของประเทศไทยซึ่งตามรายงานระบุว่า มีชาวกัมพูชาได้รับผลกระทบในบ้านจกเจย 135 ครัวเรือนและบ้านเปรยจัน 35 ครัวเรือน
แนวรบด้านตะวันออก โดยเฉพาะที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว เริ่มขยับอีกครั้งหลังจากทางการไทยประกาศใช้มาตรการเข้มข้นให้ย้ายชาวกัมพูชา 170 ครอบครัวที่เข้ามาปลูกที่พักอาศัยไทยว่าจะสามารถผลักดันออกจากพื้นที่ได้หรือไม่
อ่านข่าว
หนองจาน “แผ่นดินไทย” เอาคืนพื้นที่ ชาวกัมพูชา ต้องออกให้หมด
จับกระแสการเมือง: “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” โหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ “ภูมิธรรม” จ่อยุบสภา
แง้มใจ แม่ทัพภาค 2 ทหารไม่ปฏิวัติ ปล่อยกลไก “การเมือง” จัดการ