วันนี้ (8 ก.ย.2568) รศ.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์และการเมือง วิเคราะห์หน้าตา ครม.ใหม่ ที่มีการดึง รัฐมนตรีคนนอก 5 คน มาคุมกระทรวงด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการปัดฝุ่นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเดิม หวังสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น จะเห็นผลหรือไม่ ในช่วง จับตาสถานการณ์ ทางไทยพีบีเอส
นายสมชาย กล่าวว่า ครม.ได้รัฐมนตรีคนนอกที่ดีเพราะเห็นชัดจากเสียงตอบรับภาคเอกชน แต่งานด้านเศรษฐกิจมี 2 ด้าน คือ ความเชื่อมั่นและการปฏิบัติ ด้านแรกข้อบวกได้มาจากบุคคลที่สร้างความเชื่อมั่นได้แต่จะบริหารได้ขนาดไหน รวมถึงความมีเอกภาพในการบริหารเพราะมาจากหลายพรรคซึ่งจะมีเอกภาพมากน้อยแค่ไหน
สิ่งที่รัฐบาลกับเผชิญคือ ความท้าทายที่เรียกว่า ลำบากมาก เพราะเศรษฐกิจครึ่งปีหลังประเทศต่าง ๆ อยู่ในช่วงขาลง จากเรื่องภาษีทรัมป์ รัฐบาลจะต้องเร่งเรื่องส่งออก การท่องเที่ยว และป้องกันสินค้าที่ละลักเข้ามา
ขณะที่โครงการประชานิยม คิดว่าจะกระตุ้นภายใต้งบประมาณที่จำกัดโดยต้องเน้นส่วนที่จำเป็นจริง ๆ ไม่ใช่การเทกระจาด โดยเน้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักในเรื่องภาษีทรัมป์ และชายแดน แต่สิ่งที่ต้องทำใน 4 เดือน คือ บริหารระยะสั้นไม่ให้เศรษฐกิจ ถลำตัวลดลง และพยายามให้ฟื้นตัวขึ้น

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่ รมว.คลัง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่ รมว.คลัง
อย่างไรก็ตาม ยังมีกรณีกัมพูชา แม้จะมีปัญหากับไทย แต่ว่าก็ดีขึ้นเพราะต่างคนต่างไม่ต้องการให้มีการรบ และมีการเจรจาในด้านต่าง ๆ หวังว่า เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลจะทำให้ความตึงเครียดลดลง แต่ปัญหานี้จะยังไม่จบลงง่าย ๆ เพราะมีความท้าทายทั้งเรื่องแผนที่และชาตินิยม เพียงแต่ว่าจะเบาบางลง แต่มองว่า การค้าอาจจะได้รับผลกระทบลดลง
นายสมชาย ยังแนะนำว่า รัฐบาลความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและลำดับความสำคัญในนโยบายด้านเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด รวมถึงการสนับสนุนและส่งเสริม BOI ใน ECC ที่รัฐบาลพอจะทำได้ รวมการแก้ไขการเสียความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับเอสเอ็มอี
ขณะที่ กรณีโครงการคนละครึ่งนั้นมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะดำเนินการเพราะค่อนข้างได้ผลและเศรษฐกิจที่ถูกกระทบก็จะเป็นต้องสู้ โดยหนึ่งในนั้น คือ การกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือ โครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะนำมาใช้ในระดับหนึ่งควบคู่กับเอกชนที่ได้รับการช่วยเหลือโดยปรับปรุงคุณภาพและศักยภาพในการแข่งขันคู่ไปด้วย โดยน่าจะมีโครงการพัฒนาด้านการบริการ โครงการด้านกายภาพ ความสะอาด ส่งเสริมด้านบุคลากร การพัฒนาสินค้าและบริหารใหม่ ๆ จะช่วยให้การจัดการไม่จบแค่การใช้จ่าย

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่ รมว.พลังงาน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ว่าที่ รมว.พลังงาน
นอกจากนี้ กรอบการจัดทำงบประมาณปี 2570 ซึ่งรัฐบาลในข้อเท็จจริงไม่ได้อยู่ 4 เดือน แต่จะอยู่ราว 6 เดือนจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการจัดทำงบประมาณที่กว่าจะทำแล้วเสร็จ และสิ่งที่น่าห่วงและรัฐบาลต้องระวัง คือ หน้าผาการคลัง (Fiscal Cliff) เนื่องจากขณะนี้หนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 60 และการขาดดุลงบประมาณสูงกว่า และเมื่อมาถึงจุดหนึ่งเศรษฐกิจไม่ได้ขยายตัวตามที่เราต้องการขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เราใช้สูงขึ้น ดังนั้นภาระทางการคลังจะสูงขึ้น รวมถึง "มูดี้ส์ คอร์ปอเรชั่น" (Moody's Corporation) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินระดับโลก เปลี่ยนสถานะไทยจาก Stable เป็น Negative ซึ่งการจัดทำงบประมาณจะต้องคำนึงถึงกรอบวินัยทางการเงินการคลังด้วย

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่ รมว.การต่างประเทศ
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ว่าที่ รมว.การต่างประเทศ
นอกจากนี้งบประมาณปีนี้ต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่งบประมาณปีหน้าต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ และใช้ในขอบเขตจำกัดซึ่งการจัดลำดับความสำคัญนั้นสำคัญมากทั้งงบประมาณปีนี้และปีหน้า และการเสริมศักยภาพการแข่งขัน แม้จะมีผู้ที่เข้ามาจะเป็นผู้ที่ประชาชนมีความเชื่อมั่นแต่ก็มีภารกิจที่ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักแต่ก็ได้ทีมที่มีความหวังอยู่บ้าง
แก้ปัญหาระยะสั้น ลงเสาเข็มสำหรับระยะยาว ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายในเรื่องกรอบวินัยการเงินการคลัง
อ่านข่าว : "พล.อ.ประวิตร" ประกาศไม่รับตำแหน่ง "รมว.กลาโหม" ขอสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
โผ ครม.อนุทิน 1 ชัดเจน ภท. 12 ที่นั่ง "กลาโหม-ยุติธรรม" รอคนนอก
นายกฯ อนุทิน ไม่กังวล พท. ยื่น ศร. ถอนสมาชิกภาพ ปม MOA