วันนี้ (10 ก.ย.2568) ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เดินทางเข้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับหารือกับนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่ รมว.พาณิชย์ ภายหลังการหารือแล้ว นายอนุทิน ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยมีนางศุภจี และนายเอกนิติ ยืนขนาบข้าง
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะคนที่มาจากนอกวงการเมือง คนที่เป็นมืออาชีพเรียบร้อยแล้ว ได้มีการทำความเข้าใจกัน หารือเรื่องนโยบายที่จะต้องดำเนินการในระยะเวลาที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กับประเทศและประชาชน ขอยืนยันว่าในรัฐบาลนี้ จะมีมืออาชีพอีกท่านหนึ่งเข้ามาช่วยงานในด้านพาณิชย์ การค้าขาย การสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งนางศุภจี จะมาปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแล นายเอกนิติ โดยนายเอกนิติจะควบในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

นายอนุทินยังระบุถึงการทาบทามนางศุภจีมาร่วมงานว่า ตนใช้ความคาดหวังและผลประโยชน์ของประชาชน ของประเทศชาติไปทาบทาม และขอให้เห็นแก่เรื่องพวกนี้ และท่านประสบความสำเร็จมามากมายแล้ว มีประสบการณ์ มีความสามารถในการบริหารจัดการ กิจการและองค์กรระดับใหญ่มาแล้ว จึงขอให้ท่านช่วยเหลือบ้านเมืองด้วยกัน
เมื่อถามต่อว่า นางศุภจี เป็นนักธุรกิจในเวลา 4 เดือนจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน นายอนุทินระบุว่า นางศุภจี ไม่ใช่นักธุรกิจแต่เป็นนักบริหารมืออาชีพ และเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีรายได้มากพอสมควร เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อมั่นว่านางศุภจีมีความเสียสละอย่างมากที่จะทิ้งเงินเดือน และรายได้จากการเป็นกรรมการหลายบริษัท ในหลายที่แต่ก็ยอมมาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ก็ขอให้ให้โอกาส และขอให้เชื่อมั่นว่าพวกเราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมย้ำว่าไม่ต้องห่วง รัฐบาลของตนนั้นมีอำนาจเต็ม อยู่ที่ผู้ปฏิบัติงาน ส่วนตนมีแต่นโยบายการตั้งเป้า แต่ถ้าหากถามว่ามีธงหรือไม่ ก็ต้องตอบว่ามี ธงก็คือประเทศไทยเดินก้าวหน้าไปด้วยความมั่นคงและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด ทำให้ประชาชนกลับมามีโอกาสให้ได้มากที่สุด มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นธงที่ตนได้ตั้งเอาไว้
นายอนุทิน กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้มีประวัติดีงาม ไม่มีประวัติด่างพร้อย และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และมีความเสียสละทุ่มเท เพราะฉะนั้น ตนคิดว่าด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ท่านก็จะไม่ยอม ทำอะไรที่ไม่ดีไม่งาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับประเทศ ซึ่งสำหรับตนคำว่าบริหารราชการแผ่นดิน ใครที่ได้มาทำหน้าที่นี้นั้นนอกจากจะเป็นเกียรติยศแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นหน้าที่ ที่ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้ที่รับประโยชน์ หรือแม้กระทั่งความเดือดร้อนถ้าหากเราทำผิด เราจึงต้องมั่นใจว่า ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และต้องทำงานเป็นทีม ซึ่งความเป็นพรรคพวกกันมาก่อน และการรู้จักกันอย่างดี ก็จะทำให้เกิดการร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไม่มีการขัดแข้งขัดขา และไม่ต้องกังวลว่าพรรคนั้นจะได้คะแนนมากกว่า ซึ่งตนได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน และวันนี้มีแต่พรรคประเทศไทย เราจะให้ความสนับสนุนการทำงานของคณะรัฐมนตรีทุกคน ทุกพรรค ตราบใดที่สิ่งที่นำเสนอนั้นมีประโยชน์ต่อส่วนรวม
จากนั้นนายอนุทิน ได้เชิญ นายเอกนิติ และนางศุภจี ไปร่วมวงรับประทานเค้กส้ม ที่ร้านกาแฟภายในพรรคภูมิใจไทย

ศุภจี สุธรรมพันธุ์
ศุภจี สุธรรมพันธุ์
"ศุภจี" เปิดใจครั้งแรก ขอนำประสบการณ์ทุ่มเททำงาน
นางศุภจี กล่าวเปิดใจถึงความมุ่งมั่นที่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า มีความตั้งใจเหมือนนายกรัฐมนตรี พูดไปแล้ว ว่า ระยะเวลาสั้นๆ นี้ เป็นระยะเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะระยะเวลาสั้นแค่ไหน
"ในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานมาหลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วย ตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเทให้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีธงเดียวกับนายกรัฐมนตรี คือทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ"

ทั้งนี้ขอบคุณที่ได้รับการชื่นชม และได้รับการคาดหวัง ถือเป็นกำลังใจที่ดีอย่างยิ่ง และจะยิ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง ดังนั้น ก็จะประสานมือกับทีมงานทุกคนภายใต้นโยบายของนายกรัฐมนตรี และ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ในการทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาให้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อถามว่า ถือเป็นการบ้านที่หนักหรือไม่ เพราะเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้ นางศุภจี กล่าวว่า เป็นความท้าทาย แต่ก็มีความตั้งใจที่จะสามารถทำได้ คงทำไม่ได้ทุกอย่าง แต่จะเลือกสิ่งที่ทำแล้วเกิดผลอย่างดีที่สุด ให้ได้มากที่สุดในระยะเวลาที่มี

"เอกนิติ" ลั่น พร้อมลุยงานฟื้นเศรษฐกิจประเทศ ยั่งยืนระยะยาว
นายเอกนิติ กล่าวถึงการดูแลระเบียบการเงิน การคลัง ในการดำเนิน นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการ "คนละครึ่ง" ว่า จาก ที่ตนอยู่กระทรวงการคลัง นายกรัฐมนตรีกรุณาเห็นประโยชน์ เพราะตนเห็นกลไกในการขับเคลื่อนอยู่แล้ว ก็จะพยายาม เพราะเป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศไปแล้ว ซึ่งได้เตรียมความพร้อมในเรื่องต่างๆ เอาไว้แล้ว ส่วนรายละเอียดต่างๆ ขอให้มีการโปรดเกล้าฯ อย่างเป็นทางการก่อน
เมื่อถามว่า รายละเอียดโครงการ "คนละครึ่ง" 60:40 จริงหรือไม่ นายเอกนิติ กล่าวว่า ก็เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี ว่าจะต้องให้เกิดประโยชน์ กับประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก แม้มีเวลาจำกัด เราก็ต้องฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ในระยะยาวให้ได้และให้ เกิดความยั่งยืน ซึ่งเป็นหลักการที่นายกรัฐมนตรี มอบไว้ให้
อ่านข่าว :
ศาล รธน.ชี้สภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้ ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง
“บิ๊กเล็ก” รับนโยบายจาก “อนุทิน” เดินหน้าแก้ชายแดนใน 4 เดือน
"บวรศักดิ์" นั่งรองนายกฯ ครม.อนุทิน 1 ชื่อครบส่งตรวจคุณสมบัติ 7-10 วัน