ทันทีที่ครบกำหนดกักโรคตามระยะเวลา 5 วันที่กรมราชทัณฑ์กำหนด ครอบครัวชินวัตร นำโดย คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพิณทองทา คุณากรวงศ์ เดินทางเข้าเยี่ยม “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรือนจำกลางคลองเปรมเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงสายวันนี้ (15 ก.ย.2568 )
หลังใช้เวลาเข้าเยี่ยม 30 นาที คุณหญิงพจมาน เลี่ยงเดินออกมา ขึ้นรถตู้ที่จอดรออีกด้านหนึ่งที่หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ด้วยสีหน้าเหมือนสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้
ท่ามกลางเสียงตะโกน ของหญิงเสื้อแดง 2 คน “คุณหญิงคะ ให้กำลังใจนะคะ สู้สู้ๆ นะคะ รักตระกูลชินวัตร ค่ะ ทำให้คุณหญิงพจมาน หันมายิ้มให้บางๆ และพูดเบาๆ พอให้ได้ยินว่า “ขอบคุณ” ก่อนที่รถตู้จะเคลื่อนมาจอดรอและก้าวขึ้นรถออกไป

ส่วนบุตรสาวทั้งสอง “แพทองธาร-พิณทองทา” เดินมาให้สัมภาษณ์สื่อที่ปักหลักรออยู่อีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของทั้งคู่ ดูค่อนข้างเคร่งเครียด โดยเฉพาะ “แพทองธาร” ซึ่งสะท้อนผ่านคำพูดว่า “คุณพ่อ เข้มแข็งกว่าเราอีก ... ในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา ชีวิตครอบครัวเราก็มีหลายรสชาติ และรอบนี้ก็มาเจอผ่านกระจก ก็ให้กำลังใจกันไปในทุกเรื่อง ทุกหัวข้อ”

เมื่อวานนี้ (14 ก.ย.2568 ) ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.เชียงราย “สง่า พรมเมือง” ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย สามารถเอาชนะ “สุทัศน์ ชาละ” ผู้สมัครพรรคประชาชน ด้วยคะแนน 45,615 ส่วนผู้ท้าชิงจากค่ายสีส้ม ได้คะแนน 19,862 คะแนน ในทางการเมือง เหมือนดูเป็นคนละเรื่อง แต่ข้อเท็จจริงแล้ว เสมือนเรื่องเดียวกัน

“การเลือกตั้งที่เชียงรายเมื่อวาน (14 ก.ย.) เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า สิ่งที่ผมเคยพูดว่า พรรคเพื่อไทยโดยรวมทั้งหมดไม่ได้กระทบอะไร เพราะฐานเสียงจริงๆ ของพรรคฯ ยังคงอยู่ ...เกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ผ่านมา มีปัญหาอยู่จริง เดี๋ยวเราจะเข้ามาช่วยดู และจะช่วยกันแก้ไขเพราะทีมที่เป็นอดีตผู้บริหารพรรค หรือคนทำงานให้พรรค ไปเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ฝ่ายบริหาร อาจมีปัญหาอยู่บ้าง ขณะนี้ได้พูดคุยกับกลุ่มแกนนำแต่ละส่วนบ้างแล้ว” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุ
โดยปฏิเสธว่า การที่อดีตนายกรัฐมนตรี บอกว่ายอมเข้าเรือนจำ ไม่ได้เกี่ยวข้องการเรียกศรัทธาแฟนคลับพรรคเพื่อไทยกลับมา
“... เป็นคนละเรื่องกัน ที่จริงนายทักษิณไม่ได้เริ่มต้นจากการยอมติดคุก หรือยอมเข้าสู่กระบวนการเพื่อให้พรรคเพื่อไทยเดินต่อได้ เพราะพรรคฯ ก็เดินต่อได้อยู่แล้ว ส่วนการที่อดีตนายกฯ ตัดสินใจเพราะอายุมากแล้ว และสู้เพื่อความบริสุทธิ์ ทำให้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการ แต่เมื่อผลออกมาแบบนี้ก็ยอมรับ การเข้าไปเพื่อให้จบเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเงาที่ติดตัวนายทักษิณมาตลอด” ภูมิธรรม ระบุ

การสลัดเงาที่เคยติดตัวอดีตนายกฯ “ทักษิณ” ด้วยการเข้าไปรับโทษถูกจำกัดบริเวณในเรือนจำ ด้วยคำตัดสินของศาลสั่งบังคับโทษจำคุก 1 ปี คดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่หลายองคาพยพทางการเมืองยังคงเคลื่อนต่อ ทั้งในและนอกสภา รั้วรอบนอกทำเนียบรัฐบาล เวทีย่อย คปท. กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ออกเดินสายยื่นหนังสือกดดันคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้เร่งไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงและข้าราชการทั่วไป ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 12 นาย
และการจัดม็อบย่อยเพื่อ “ตีกัน” ไปยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ทั้งเรื่องการพิจารณาพักโทษ การคุมขังนอกเรือนจำ การใส่กำไลอีเอ็ม หรือแม้แต่การตั้งคณะกรรมการพิจารณาอภัยโทษ ต่างถูกกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “ฝั่งตรงข้าม” จับตามองอย่างใกล้ชิด
แม้ วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ จะยืนยันว่า อดีตนายกฯ ไม่ได้สิทธิพิเศษใดๆ และไม่ได้ขออะไรพิเศษเกินกว่าผู้ต้องขังอื่นจะได้สิทธิ ยังอยู่ในแดนพยาบาลร่วมกับผู้ต้องขังสูงอายุ
“การขอคุมขังนอกเรือนจำ ยังไม่ถึงเวลา ต้องเป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำก่อน ระเบียบจึงจะขอขังนอกเรือนจำได้ …อดีตนายกฯ เคยทำคุณูปการต่อประเทศมากมาย เรื่องการดูแลความปลอดภัย ทางเรือนจำมีการดูแลจัดการ การเยี่ยมเป็นไปตามระเบียบ เยี่ยมผ่านกระจกกั้น เคยเยี่ยมแบบไหน ก็แบบนั้น”
ไม่ว่าจะอยู่ในเกณฑ์ใด ๆ ของการร่นระยะเวลารับโทษในเรือนจำตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ สำหรับอดีตนายกฯ ทักษิณ แล้ว ในขณะนี้ อาจไม่ง่าย หากนับหลังจากอยู่ในเรือนจำได้เพียง 2 วันก็ถูกสกัดเส้นทาง โดย ป.ป.ช.ได้ชง ครม.เสนอให้กรมราชทัณฑ์ ทบทวนระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ

โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการคุมขังในสถานที่คุมขัง ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2566 หลังพบว่ากรอบการบังคับใช้ยังไม่ชัดเจน และอาจเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจในลักษณะที่เอื้อประโยชน์แก่ผู้ต้องขังบางราย
นอกจากนี้ ป.ป.ช. ระบุว่า ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง ซึ่ง ประกาศเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2566 รวมถึงอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ยังขาดความชัดเจน โดยเฉพาะการกำหนดคำว่า “สถานที่คุมขัง” ที่อาจถูกตีความกว้างจนรวมถึงบ้านหรือที่พักส่วนตัวของผู้ต้องขัง สร้างความเสี่ยงในการบังคับใช้และอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ
ดังนั้น ที่ประชุม ป.ป.ช. ครั้งที่ 78/2568 เมื่อวันที่ 19 ส.ค. มีมติเสนอต่อ ครม.ให้มอบหมายกรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนระเบียบดังกล่าว โดยควรจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อลดโอกาสการใช้ดุลพินิจ สื่อสารสร้างความเข้าใจแก่สังคม เพื่อให้เกิดการตรวจสอบร่วมจากภาคประชาชน เพิ่มความโปร่งใสและลดแรงต้านต่อการดำเนินงาน
และ ป.ป.ช.ยังเสนอให้กรมราชทัณฑ์พัฒนาระบบสารสนเทศผู้ต้องขังที่มีรายละเอียดครบถ้วน เพื่อใช้ในการจำแนกผู้ต้องขังและบริหารโทษอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยยกระดับการบริหารจัดการเรือนจำในระยะยาว

เส้นทางวิบากทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่มีอดีตนายกฯ “ทักษิณ” ในฐานะผู้นำจิตวิญญาณ ที่พยายามจะสลัดเงาคดีที่เคยหลบเลี่ยงออกไปให้หมด เหมือนจะไม่จบง่าย ด้วยระหว่างทางเดินยังมีขวากหนามตลอด น่าจับจ้องว่า “แพทองธาร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะนำทัพฝ่าฟันไปได้อย่างไร
อ่านข่าว :
"แพทองธาร-พินทองทา-คุณหญิงพจมาน" เข้าเยี่ยม "ทักษิณ"
"ภูมิธรรม" บอกไม่เป็นไร ป.ป.ช.ชงทบทวนระเบียบราชทัณฑ์ ชู "ทักษิณ" นักสู้
"ทักษิณ" รับโทษ "ต่ำปี" รอ "รีเทิร์น" นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ธ.ค.นี้