ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ทักษิณ" รับโทษ "ต่ำปี" รอ "รีเทิร์น" นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ธ.ค.นี้

การเมือง
17:34
1,107
"ทักษิณ" รับโทษ "ต่ำปี" รอ "รีเทิร์น" นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ธ.ค.นี้

ภาพ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ถอดสูท ถอดเนคไท พับแขนเสื้อ เดินขึ้นรถคุมขังที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเตรียมไว้เพื่อส่งตัวผู้ต้องขังไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ก่อนนำตัวเข้าสู่แดนแรกรับ สำหรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายจะต้องทำทะเบียนประวัติ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดสีลูกวัว ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ถือเป็นการฟื้นความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมในไทย

และการกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของ “ทักษิณ” ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย คดีชั้น 14 รพ.ตำรวจในวันนี้ ไม่ใช่จุดอวสานของตระกูลชินวัตร แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อรอเวลากลับมาสู้ใหม่ แบบไร้ข้อครหา โดยมี “เดิมพัน” อยู่ที่การรักษาพรรคฯ ไม่ให้แตก ป้องกันฐานที่มั่นและมวลชนคนเสื้อแดงให้อยู่ต่อ

“ วันนี้ผมขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใด ๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตัวผม...ขอขอบคุณประชาชนที่ให้การสนับสนุนตลอดมา ขอบคุณนักการเมือง สมาชิกพรรคเพื่อไทยและเพื่อนมิตรทั้งหลายที่เคียงข้างกันทั้งในยามสุขและยามยาก”

“... ผมตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ด้วยอุดมการณ์และจิตวิญญาณที่เรามีร่วมกันมา จนกว่าจะถึงวันที่เราได้เดินร่วมทางกันอีกครั้ง” ข้อความของ “ทักษิณ” สื่อสารผ่านทีมงานที่ถูกเผยแพร่ออกมา หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก “ทักษิณ 1 ปี”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การประกาศเลิกเล่นการเมืองของ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ผ่านการตอบผู้ใช้งานบัญชี x เข้าไปคอมเมนต์ว่า “คุณเศรษฐา เป็นคนดีนะครับ ทำไมยังอยู่กับเพื่อไทย...เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา

ตามด้วยการลาออกของ “นพดล ปัทมะ” สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ และกลุ่ม สส.เพื่อไทย 8 คน ที่ลาออกมาโหวต ให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นั่งนายกคนที่ 32 โดยมีเก้าอี้เสนาบดีเป็นของกำนัล ท่ามกลางข่าวแพร่สะพัดว่ายังมี สส.เพื่อไทยในพื้นที่อีสานเตรียมลาออกและแยกย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ๆ ทำให้มองเห็นอนาคตทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยไม่ยาก

หาก “ทักษิณ” ผู้นำจิตวิญญาณไม่ลงมาสู้ การกอบกู้พรรคเพื่อไทย คงไม่ง่าย “สมคิด เชื้อคง” อดีต สส.อุบลราชธานี รองเลขานายกฯ ฝ่ายการเมือง รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่ก่อนหน้านี้ถูกระบุจะลาออก ยืนยันว่า ยังคงอยู่กับพรรคต่อไป แม้สส.คนอื่นจะอยู่ต่อหรือออกไปก็ตาม

ขณะที่หากตรวจสอบเสียงจากอดีตแกนนำและมวลชนคนเสื้อแดง ส่วนใหญ่แม้จะเสียใจที่อดีตนายก ฯ ติดคุก แต่ก็ส่วนลึก รู้สึกดีใจที่ผู้นำยอมกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และไม่ใช้ความเป็นอภิสิทธิ์ให้ถูกโจมตีเหมือนในอดีต ถือเป็นการสลัดพันธนาการที่เคยมีออกไปทั้งหมด และกลับมาสู้กันต่อไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย

มีข้อมูลจากราชทัณฑ์ ระบุว่า อดีตนายกฯ จะต้องถูกกักตัวอยู่ในแดนแรกรับตามระยะเวลากักโรคให้ครบกำหนด จากนั้นจะเข้าสู่การจำแนกแดนขังว่าจะถูกส่งตัวไปไหน ส่วนขั้นตอนการให้ออกไปขังสถานที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำ ตามขั้นตอนยังไม่สามารถพิจารณาได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเรือนจำและคณะกรรมการ ฯ อีกทั้งกฎกระทรวง มาตรา 33 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ได้กำหนดอาณาเขตในสถานที่อื่นที่มิใช่เรือนจำให้เป็นสถานที่คุมขัง การนำตัวผู้ต้องขัง ไปคุมขังที่อื่น ที่ไม่ใช่เรือนจำ

โดยมีการแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ระบุว่าที่ไปอยู่ข้างนอกแล้วจะเกิดประโยชน์มากกว่ากรณีที่ถูกคุมขัง 2.กลุ่มที่เห็นว่าจะมีการพัฒนาพฤตินิสัยในที่คุมขังอื่นจะดีกว่า เน้นการพัฒนาพฤตินิสัย และ 3.กลุ่มที่เป็นเจ็บป่วยสูงอายุ
สำหรับอดีตนายกฯ ทักษิณ ถือเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ วัย 76 ปี หากคณะกรรมการพิจารณาและผ่านเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง ในการถูกคุมขังนอกเรือนจำจะต้องมีการเสนอให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้พิจารณาลงนามในคำสั่ง

หากนับโทษตามที่ศาลฎีกากำหนดโทษจำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่า ต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 12 เดือน เนื่องจากการนับวันเวลาตามปีปฏิทินปกตินั้น ระยะเวลา 1 ปี หรือ 12 เดือน จะมีจำนวน 365 วัน หรือ 366 วัน ซึ่งต่างกับการนับวันเวลาตามกฎหมาย

แต่ความจริงแล้ว ระยะเวลาต้องโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 กำหนดให้ระยะเวลา 1 เดือน เท่ากับ 30 วัน เท่ากับว่า 12 เดือน จะมี 360 วัน เหตุเพราะหากนับตามปฏิทินปกติจะทำให้จำเลยต้องรับโทษเพิ่มขึ้น 5-6 วัน ซึ่งไม่ยุติธรรมกับตัวจำเลย ดังนั้น โทษจำคุก 1ปี จึงไม่เท่ากับ 12 เดือน

ทำให้มีความเป็นไปได้สูง หากมีวโรกาสสำคัญและเข้าเกณฑ์ อดีตนายกฯ “ทักษิณ” อาจจะได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมาในเดือนธ.ค. 2568 นี้ เนื่องจากผู้ต้องขังที่ได้รับโทษต่ำปีจะได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด แม้คำสั่งศาลฯจะลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปีก็ตาม

ทั้งนี้ การนับโทษจะเริ่มตั้งแต่วันถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ กล่าวคือ ผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์รับโทษต่ำปีจะได้รับการปล่อยตัว ส่วนผู้ต้องขังที่ได้รับโทษเกิน 1 ปี จะต้องรับโทษ 1 ใน 3 ก่อนจึงเข้าเกณฑ์ขังนอกเรือนจำหรือการใส่กำไลอีเอ็ม ยกเว้นกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาจะเขียนไว้ใน พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ว่า ผู้ต้องขังต้องได้รับโทษมาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือติดคุกประมาณ 4 เดือน

มีการวิเคราะห์จากหลายฝ่ายตรงกันว่า การยอมติดคุกของ “ทักษิณ” ครั้งนี้ นอกจากรอเวลาเอาคืนในวันที่เหมาะสม คือ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 แล้ว มีข้อดี คือ เป็นการฟื้นความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมให้กับประเทศไทยว่า ยังคงดำรงอยู่ และไม่มีการเลือกปฏิบัติ ทำให้สังคมไม่ตั้งข้อครหา

และทำให้ประเทศเข้าสู่สภาวะปกติ สยบและสกัดการเคลื่อนไหวของฝ่ายเห็นต่าง ไม่มีการปลุกกระแสผู้ต้องหา “อภิสิทธิ์ชน”หรือ “นักโทษเทวดา” ที่สำคัญเป็นการส่งสัญญาณห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนไหว ไม่ให้ร้องศาลรัฐธรรมนูญ เรื่อง MOA ระหว่างพรรคประชาชน-ภูมิใจไทย และอาจไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอนุทินเสียด้วยซ้ำ

ด้านหนึ่ง นอกจากเป็นการหยุดเลือดที่ไหลออก จากพรรคเพื่อไทยแล้ว หากเข้าเกณฑ์โทษต่ำปี และได้รับพระราชทานอภัยโทษเดือน ธ.ค. 2568 “ทักษิณ” จะกลับมาทัน “นำทัพ” สู้ศึกเลือกตั้งปี 2569 ซึ่งทางการเมืองได้คาดการณ์ไว้คร่าวๆ ว่า การยุบสภาจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2569 และจะมีการจัดให้มีการเลือกตั้งในเดือน มี.ค. 2569

เพื่อป้องกันการล่มสลายของพรรคเพื่อไทย และสกัดไม่ให้ บ้านใหญ่ย้ายค่ายไปพรรคอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อรักษา สส.ทั้งบัญชีรายชื่อและ สส.เขต ไม่ให้ต่ำกว่าที่มีอยู่เดิม

อ่านข่าว

 ไม่เปลี่ยนขุนศึก "กลางสงคราม" พล.อ.ณัฐพล "นั่ง" รมว.กลาโหม

ชนะทุกแนวรบ “อนุทิน” นั่งนายกฯคนที่ 32 “กลยุทธ์” ค่ายสีน้ำเงิน

จับกระแสการเมือง: วันที่ 4 ก.ย.2568 โปรแดงเดือน 9 เลือก “ชัยเกษม” ยุบสภาทันที แย้มโผ ครม. “อนุทิน”