ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จีนฟื้นทัวร์ "ฟรีวีซ่า-ตั๋วอัจฉริยะ- AI นำทาง" ดัน "ชนบท" สู่เวทีโลก

ต่างประเทศ
15:41
45
จีนฟื้นทัวร์ "ฟรีวีซ่า-ตั๋วอัจฉริยะ- AI นำทาง" ดัน "ชนบท" สู่เวทีโลก

หลังผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางทั่วโลก จีนพยายามเดินหน้าฟื้นฟูการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ด้วยนโยบายเชิงรุก ทั้งการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติและกระตุ้นการเดินทางภายในประเทศ โดยใช้กลยุทธ์หลักสองด้าน คือ การเปิดฟรีวีซาและการพัฒนาการท่องเที่ยวอัจฉริยะ ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของเศรษฐกิจจีน

"ฟรีวีซา" จุดเปลี่ยนดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ

มาตรการฟรีวีซาเปิดให้ชาวนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในหลาย ๆ ประ เทศสามารถเดินทางเข้าจีนได้โดยไม่ต้องขอวีซา ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดปัญหาการเดินทางและเป็นการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ว่า จีนกลับมาเป็นหมุดหมายปลายทางระดับโลกอีกครั้ง

สถิติจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติจีนระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 จีนรองรับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซาจำนวน 15.89 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.1 เมื่อเทียบกับปี2567

ในช่วงเวลาเดียวกัน หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองตามชายแดนได้ตรวจสอบการเดินทางเข้า-ออกของชาวต่างชาติรวม 51.27 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.8 จากปีก่อน โดยจำนวนการเดินทางเข้าประเทศจีนแบบฟรีวีซา คิดเป็นร้อยละ 62.1 ของจำนวนการเดินทางเข้าประเทศทั้งหมด ทั้งนี้ ในแปดเดือนแรกของปี จีนมีจำนวนการเดินทางเข้า-ออกประเทศรวมทั้งหมด 460 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนชัดเจนว่า นโยบายฟรีวีซาไม่ได้เป็นเพียงมาตรการอำนวยความสะดวก แต่คือแรงขับสำคัญในการเร่งฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และยังเป็นเครื่องมือเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ

"ท่องเที่ยวอัจฉริยะ" จองตั๋วไร้สัมผัส- ใช้ AI นำทาง

ในปี 2568 จีนได้ยกระดับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวสู่ “การท่อง เที่ยวเชิงคุณภาพและอัจฉริยะ” โดยบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับบริการท่องเที่ยวอย่างครบวงจร ตั้งแต่ระบบจองตั๋วไร้สัมผัส แอปพลิเคชันแนะนำเส้นทางด้วย AI ที่ออกแบบเฉพาะบุคคล และการใช้บิ๊กดาต้าเพื่อบริหารจัดการความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่เพื่อลดความแออัดและป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

แนวทางดังกล่าว ถือว่าตอบโจทย์นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและประสบการณ์เฉพาะตัว แต่ขณะเดียวกันยังสะท้อนความพยายามของจีนในการเปลี่ยนการท่องเที่ยวจากเชิงปริมาณสู่เชิงคุณภาพ สอดคล้องกับกระแสโลกที่ให้ความ สำคัญกับความยั่งยืนและประสบการณ์ท้องถิ่นแท้จริง

ต้าซิน มณฑลกว่างซี "เมืองเล็ก" จุดหมายนานาชาติ

หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จที่ชัดเจน คือ อำเภอต้าซิน เมืองฉงจั่ว มณฑลกว่างซี ใกล้ชายแดนเวียดนาม จากเมืองชายแดนเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ต้าซินได้พัฒนาจนกลายเป็นจุดหมายท่องเที่ยวระดับประเทศและระดับนานาชาติในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวเด่น คือ น้ำตกเต๋อเทียน ซึ่งถูกจัดอันดับเป็นแหล่งท่องเที่ยว 5A ของจีน และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
น้ำตกเต๋อเทียน

น้ำตกเต๋อเทียน

น้ำตกเต๋อเทียน

น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่บนพรมแดนจีน-เวียดนาม โดยฝั่งเวียดนามเรียกว่า "น้ำตกบ่านซก" (Ban Gioc Waterfall) น้ำตกเต๋อเทียนมีความสูงกว่า 70 เมตร กว้างราว 200 เมตร มีชั้นน้ำตกหลายชั้นที่ลดหลั่นลงมา ท่ามกลางภูมิทัศน์หินคาร์สต์อันงดงาม

น้ำตกเต๋อเทียน

น้ำตกเต๋อเทียน

น้ำตกเต๋อเทียน

นอกจากคุณค่าทางธรรมชาติ น้ำตกเต๋อเทียนยังมีบทบาทสำคัญในเชิงการทูตและความร่วมมือชายแดน

ในอดีตพื้นที่นี้เคยเป็นเขตพิพาทระหว่างจีนและเวียดนาม ก่อนจะมีการลงนามข้อตกลงเขตแดนในปี 1999 ทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างสองประเทศ

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือไม้ชมความงามของน้ำตกทั้งสองฝั่งได้อย่างใกล้ชิด ขณะที่รัฐบาลจีนและเวียดนามยังหารือร่วมกันในการพัฒนาเป็น "เขตความร่วมมือการท่องเที่ยวข้ามพรมแดน" เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนสองฝั่งชายแดน

"หมู่บ้านหมิงซื่อ" โมเดลเที่ยวชนบท "สร้างรายได้ระดับชาติ"

ไม่ไกลจากน้ำตกเต๋อเทียนคือ รีสอร์ตหมู่บ้านหมิงซื่อ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "แกลเลอรีภูมิทัศน์แห่งพรมแดนจีน-เวียดนาม" จุดเด่นของหมู่บ้านคือทิวทัศน์นาข้าวขั้นบันไดที่ทอดยาวท่าม กลางขุนเขาคาร์สต์และหมู่บ้านชนบท นักท่องเที่ยวมักเดินทางมาพักผ่อนหลายวันเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่าย

หมู่บ้านหมิงซื่อ ประชากรส่วนใหญ่ของหมู่บ้านเป็นชนเผ่าจ้วง

หมู่บ้านหมิงซื่อ ประชากรส่วนใหญ่ของหมู่บ้านเป็นชนเผ่าจ้วง

หมู่บ้านหมิงซื่อ ประชากรส่วนใหญ่ของหมู่บ้านเป็นชนเผ่าจ้วง

ประชากรส่วนใหญ่ของหมู่บ้านเป็นชนเผ่าจ้วง ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่ใหญ่ที่สุดในกว่างซี และยังมีชนเผ่าอื่น ๆ เช่น ฮั่น เย้า หรือเหมียว อาศัยร่วม ทำให้หมู่บ้านมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะชนเผ่าเย้า หญิงเย้ามักสวมชุดพื้นเมืองสีดำหรือน้ำเงินเข้ม ปักลวดลายสีสันสดใส พร้อมผ้าคาดศีรษะหรือผ้าคลุมศีรษะแบบประดับเงิน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว
หมู่บ้านหมิงซื่อ “แกลเลอรีภูมิทัศน์แห่งพรมแดนจีน-เวียดนาม”

หมู่บ้านหมิงซื่อ “แกลเลอรีภูมิทัศน์แห่งพรมแดนจีน-เวียดนาม”

หมู่บ้านหมิงซื่อ “แกลเลอรีภูมิทัศน์แห่งพรมแดนจีน-เวียดนาม”

โมเดลการท่องเที่ยวที่หมู่บ้านหมิงซื่อพัฒนานั้นเชื่อมโยงชุมชนโดยตรง โรงแรมและโฮมสเตย์กว่า 100 แห่งใช้แรงงานท้องถิ่นกว่า 80% ขณะที่เกษตรกรขายผลผลิตสดใหม่ให้โรงแรม สร้างรายได้เสริมให้ชุมชน นอกจากนี้ยังมีโครงการ “หมิงสือนาลี่” นำที่ดินไม่ได้ใช้ประโยชน์มาพัฒนา เป็นแหล่งรายได้ให้กับชุมชนกว่า 100,000 หยวนต่อปี

หมู่บ้านหมิงซื่อ

หมู่บ้านหมิงซื่อ

หมู่บ้านหมิงซื่อ

ยิน ชิวลู่ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของชุมชน เปิดเผยว่า หมู่บ้านได้บูรณาการวัฒนธรรมนาข้าวเข้ากับการท่องเที่ยว จัดกิจกรรมดำนา เก็บเกี่ยว และเวิร์กช็อปงานหัตถกรรม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชนบทอย่างแท้จริง

"NaliVE" แหล่งดึงดูด "นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่"

หมู่บ้านหมิงซื่อ

หมู่บ้านหมิงซื่อ

หมู่บ้านหมิงซื่อ

อีกหนึ่งจุดเด่นของพื้นที่คือ "NaliVE" ที่พลิกฟื้นภูเขารกร้างกว่า 100 หมู่ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ด้วยกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำชายแดน จิบกาแฟชมวิวแม่น้ำที่แคบที่สุดระหว่างจีน-เวียดนาม และชมน้ำตกเต๋อเทียนในมุมใหม่ ปัจจุบันกลายเป็นกระแสไวรัลบนโซเชียล มีรายได้เศรษฐกิจชุมชนเกือบ 200,000 หยวนต่อปี พร้อมจ้างงานคนท้องถิ่นกว่า 20 ตำแหน่ง

ข้อมูลจากสำนักวัฒนธรรม การท่องเที่ยว กีฬา วิทยุและโทรทัศน์ อำเภอต้าซิน ระบุว่า ในครึ่งปีแรกของปีนี้ อำเภอต้าซินต้อนรับนักท่องเที่ยวในประเทศ 5.7426 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 5.9 พันล้านหยวน เติบโตมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยังต้อนรับตัวแทนทัวร์จากไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ เพื่อสำรวจแหล่งท่องเที่ยว เพิ่มเสน่ห์ระดับนานาชาติ

ข้อมูลทั้งหมดสะท้อนให้เห็นชัดว่า การลงทุนด้านโครงสร้างพื้น ฐาน การส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวชนบท และการพัฒนาระบบบริการที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีเข้ากับประสบการณ์ท้องถิ่น สามารถสร้างรายได้มหาศาลและเพิ่มโอกาสให้กับชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

โมเดลการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและอัจฉริยะของจีนไม่เพียงช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด แต่ยังสะท้อนความพยายาม ในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืน และการอนุรักษ์วัฒน ธรรมท้องถิ่น

รายงานโดย: ศิริวรรณ ศรีสุข เจ้าหน้าที่โปรดักชัน ฝ่ายข่าวออนไลน์

อ่านข่าว

จีนดันแผนปฏิบัติการ AI ร่วมอาเซียนพัฒนา ยกระดับข้ามพรมแดน

“เนื้อโคขุน” สุรินทร์ ของดีเมืองไทย รสชาตินุ่ม อร่อยลิ้น ไร้กลิ่นสาบ