วันนี้ ( 22 ก.ย.2568) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เดือนสิงหาคม 2568 จำนวน 5,467 ราย ซึ่งครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ เกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าไทยของประชาชน ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงมีความนิยมในการเลือกซื้อสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงสุด

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า โฆษกกระทรวงพาณิชย์
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า โฆษกกระทรวงพาณิชย์
ขณะที่สินค้าหมวดความงามและแฟชั่นได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในอนาคต โดยมีรายละเอียดผลการสำรวจ ดังนี้ความนิยมการเลือกซื้อสินค้าไทยของประชาชน ในภาพรวมพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีการซื้อสินค้าไทย โดยสินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม 42.99% รองลงมาคือ สินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ 15.85% ของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้าน 14.64%
สินค้าสุขภาพ 10.68% สินค้าความงามและของใช้ส่วนบุคคล 9.90% และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 7.25% หากพิจารณาตามกลุ่มอายุ พบว่า ประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 29 ปี นิยมเลือกซื้อสินค้าความงามและของใช้ส่วนบุคคลสูงกว่ากลุ่มอื่น

ในขณะที่กลุ่มอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป มีการเลือกซื้อสินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับและสินค้าสุขภาพมากกว่า เมื่อพิจารณาตามกลุ่มรายได้พบว่า กลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 50,001 บาทขึ้นไป นิยมซื้อของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้านในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอื่น และเมื่อพิจารณา
ส่วนกลุ่มภูมิภาค พบว่า แต่ละภูมิภาคมีความนิยมสินค้าที่แตกต่างกันออกไป ภาคเหนือมีความนิยมในการเลือกซื้อเครื่องไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสินค้าสุขภาพมากกว่าภูมิภาคอื่น ในขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลนิยมซื้อสินค้าเครื่องประดับ ของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้านมากกว่าภูมิภาคอื่น ชี้ให้เห็นถึงรสนิยมและรูปแบบการบริโภคที่แตกต่างกันไปตามบริบททางภูมิภาค
สาเหตุที่ทำให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าไทย พบว่า คุณภาพของสินค้าและราคาถูกเป็นสำคัญ 24.55% และ 24.12% ตามลำดับ และ22.06% มองว่ามีความสะดวก เมื่อพิจารณาตามรายสินค้าพบว่า ในแต่ละหมวดสินค้ามีเหตุผลการเลือกซื้อที่แตกต่างกันออกไป โดยกลุ่มที่เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประชาชนให้ความสำคัญกับคุณภาพมากที่สุด

กลุ่มของใช้ในบ้านและเครื่องประดับนอกจากคุณภาพแล้วประชาชนยังได้ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการเลือกซื้อด้วยอีกทางหนึ่ง และในกลุ่มสินค้าความงามและของใช้ส่วนบุคคลมีการเลือกซื้อสินค้าจากการเข้าถึงได้ง่าย
และเมื่อพิจารณาตามกลุ่มรายได้พบว่า กลุ่มรายได้สูงเลือกซื้อสินค้าโดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและความน่าเชื่อถือเป็นหลัก กลุ่มรายได้ปานกลางให้ความสำคัญกับคุณภาพควบคู่กับความสวยงามของสินค้าในสัดส่วนสูงกว่ากลุ่มอื่น ขณะที่กลุ่มรายได้น้อยมักเน้นปัจจัยด้านราคาและความสะดวกเป็นสำคัญ

แหล่งเลือกซื้อสินค้าที่ประชาชนนิยมเลือกซื้อสินค้าไทย ในภาพรวม ประชาชนเลือกซื้อสินค้าไทยผ่านร้านค้าปลีกทั่วไปมากที่สุด31.06% ตามด้วยห้างสรรพสินค้า อาทิ ร้านค้าปลีกในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าชั่วคราว และงานกิจกรรมในห้าง 23.69% และช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม อาทิ Shopee Lazada และ Tiktok Shop 17.29%
ประชาชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปีและนักศึกษาเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุดโดยเฉพาะการซื้อโดยตรงจากผู้ผลิต สะท้อนถึงโอกาสการเติบโตของช่องทางดังกล่าวที่อาจมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ขณะเดียวกัน ร้านค้าปลีกทั่วไปและร้านค้าชุมชนยังคงมีความสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรและผู้สูงอายุที่ใช้ช่องทางนี้เป็นหลัก และเมื่อพิจารณาตามกลุ่มรายได้พบว่า กลุ่มที่มีรายได้สูงยังคงนิยมซื้อสินค้าผ่านห้างสรรพสินค้าและแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่าช่องทางอื่น

แนวโน้มการซื้อสินค้าของประชาชนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ในภาพรวม พบว่า ประชาชนยังคงมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าไทยเท่าเดิม 61.03% อย่างไรก็ตาม 26.45% พบว่า ประชาชนมีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยลดลง ซึ่งมากกว่าสัดส่วนประชาชนที่มีแนวโน้มการซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้น ที่11.06% และอื่น ๆ ที่1.46% โดยสัดส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มการเลือกซื้อลดลง ได้แก่ สินค้าสุขภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และของใช้ในบ้านและของตกแต่งบ้าน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
ในอีกทางหนึ่ง สินค้าไทยที่ประชาชนมีแนวโน้มซื้อเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ สินค้าความงามและของใช้ส่วนบุคคล รวมถึงสินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ และเมื่อพิจารณาแบ่งตามอายุพบว่าประชาชนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ประชาชนที่มีอายุเพิ่มมากขึ้นมีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยลดลง สอดคล้องกับการพิจารณาตามรายอาชีพที่พบว่า อาชีพไม่ได้ทำงานและบำนาญมีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยลดลงมากที่สุดและนักศึกษามีแนวโน้มซื้อสินค้าไทยเพิ่มขึ้นมากที่สุด

การปรับปรุงสินค้าไทยที่ประชาชนต้องการ ในภาพรวม พบว่า ประชาชนต้องการให้สินค้าไทยมีการพัฒนาในด้านราคาที่เหมาะสมมากที่สุด ที่26.88% ตามมาด้วยการพัฒนาคุณภาพสินค้า ที่ 26.34% และความน่าเชื่อถือของสินค้า ที่17.65% ซึ่งสอดคล้องกับการพิจารณาในทุกกลุ่ม โดยกลุ่มประชาชนที่ไม่ได้มีการซื้อสินค้าไทยและกลุ่มที่มีแนวโน้มการซื้อสินค้าไทยลดลง ต่างต้องการให้มีการพัฒนาในด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์ และความหลากหลายของสินค้ามากยิ่งขึ้น
ในขณะที่กลุ่มที่มีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าไทยมากขึ้นต้องการให้มีการพัฒนาด้านความหลากหลายของสินค้าและด้านรูปลักษณ์และบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุ พบว่าความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นในกลุ่มอายุน้อย ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่อาจมีความสำคัญต่อการพัฒนาสินค้าไทยในอนาคต
และเมื่อพิจารณาแบ่งตามรายภูมิภาคพบว่าประชาชนในภูมิภาคต่าง ๆ มีความต้องการให้ปรับปรุงด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์สูงกว่ากรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งมีความต้องการในการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ซึ่งอาจสะท้อนถึงข้อจำกัดของผู้บริโภคในต่างจังหวัดที่มีตัวเลือกน้อยหรืออาจยังไม่สามารถเข้าถึงสินค้าได้อย่างทั่วถึง

ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า ผลการสำรวจครั้งนี้ว่า พบว่าประชาชนยังคงนิยมเลือกซื้อสินค้าไทยโดยสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มยังคงได้รับความนิยมและเป็นสินค้าที่ประชาชนเลือกซื้อสูงสุด ขณะเดียวกันผลการสำรวจยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของสินค้าไทยในสินค้าหมวดใหม่ ๆ โดยเฉพาะสินค้าความงามและแฟชั่นที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และการดูแลตนเองที่มากยิ่งขึ้น จนอาจพัฒนาเป็นกระแสหลักและขยายตัวเป็นตลาดสำคัญในอนาคต
ผลการสำรวจยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายจากแนวโน้มการเลือกซื้อสินค้าไทยที่ลดลง ที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก อาทิ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และปัจจัยภายใน อาทิ ข้อจำกัดด้านคุณภาพ ราคา และความหลากหลาย ซึ่งเป็นประเด็นที่จำเป็นต้องติดตามและศึกษาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้สินค้าไทยได้รับความนิยมและเป็นสินค้าที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่น ตลอดจนพัฒนาสินค้าไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันและก้าวสู่การเป็นตลาดกระแสหลักที่ผู้บริโภคเลือกใช้ ซึ่งจะกลายเป็นฐานสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ผู้ประกอบการในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ยังคงดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง อาทิ การขับเคลื่อนโครงการ ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศ
การพัฒนาและผลักดันระบบการรับรองคุณภาพสินค้าไทย เช่น เครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนมาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้าราคาถูกล้นทะลักจากต่างประเทศที่อาจกระทบต่อการแข่งขันของสินค้าไทยอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการศึกษาแนวทางการพัฒนาของสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนสนับสนุนให้สินค้าไทยสามารถเติบโตและยกระดับศักยภาพของสินค้าไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
อ่านข่าว:
แบงก์ชาติ เผยปี65 คนไทยเสียเงิน ภัยออนไลน์เกือบแสนล้าน รู้ตัวช้าเกิน18 ชม.
หนุนคนละครึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ออมสินเสนอลด VAT ช่วยกลุ่มฐานราก-SMEs