ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กป.อพช.จี้รับผิดชอบกรณี จนท.ค้นกระเป๋า “กลุ่มปราจีนเข้มแข็ง” ร่วมเวที EEC

ภูมิภาค
13:59
60
กป.อพช.จี้รับผิดชอบกรณี จนท.ค้นกระเป๋า “กลุ่มปราจีนเข้มแข็ง” ร่วมเวที EEC
อ่านให้ฟัง
09:11อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

วันนี้ (23 ก.ย.2568) คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ออกแถลงการณ์กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจค้นกระเป๋าของผู้เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น ร่างรายงานการศึกษาโครงการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2568

จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดปราจีนบุรี และสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เครือข่ายประชาชน “กลุ่มปราจีนเข้มแข็ง” ที่เข้าร่วมเวทีถูกเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) จำนวน 2–3 นาย เข้าตรวจค้นกระเป๋า โดยอ้างว่าเป็นการค้นหาอาวุธ

แถลงการณ์ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าผู้แทนหน่วยงานของรัฐและสถาบันการศึกษา แต่กลับไร้การทักท้วงหรือหยุดยั้ง ทั้งยังมีท่าทีเพิกเฉยไม่สนใจต่อการคุกคามที่เกิดขึ้นต่อประชาชน ผู้ใช้สิทธิในการแสดงออกอย่างสันติ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เห็นได้ว่า ผู้จัดเวทีไม่ได้มีเจตนาในการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมใด ๆ เพียงแต่ต้องการให้กระบวนการแล้วเสร็จไปเพียงเท่านั้น พฤติกรรมเช่นนี้จึงเป็นการบ่อนทำลายกระบวนการมีส่วนร่วมที่ควรเกิดขึ้นอย่างเสรีและปลอดภัย

คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็น การลุแก่อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ใช้อำนาจในการคุกคามผู้เห็นต่าง และเป็นการเพิกเฉยอย่างน่าละอาย ของหน่วยงานผู้จัดกระบวนการ ทั้งสำนักงาน EEC มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี

ซึ่งไม่เพียงแต่ละเลยหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิประชาชน แต่ยังร่วมทำให้เวทีที่ควรเป็นพื้นที่เสรีทางวิชาการ กลายเป็นเวทีแห่งการข่มขู่และบิดเบือนข้อมูล

ในฐานะ กป.อพช. ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่ติดตามปัญหาและผลกระทบของโครงการ EEC มาอย่างต่อเนื่อง เรารู้ดีว่า “การพัฒนา” ที่รัฐพยายามสื่อสารอย่างสวยหรู ไม่ได้สร้างความมั่นคงในชีวิต หากแต่ทำให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ถูกบังคับให้แบกรับความเสี่ยงและผลกระทบโดยตรง

ขณะที่เสียงคัดค้านและข้อเท็จจริง กลับถูกกดทับและปิดกั้น เราขอตั้งคำถามตรงไปยัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าจะยังคงเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนต่อไปอีกหรือไม่

เราขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินการอย่างเร่งด่วนโดย

1.ผู้จัดการเวทีต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรม ต่อการปล่อยปละละเลย ให้เกิดการคุกคามประชาชน ด้วยการไม่ใช้เวทีดังกล่าวในรายงานการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ ปรากฏสถานการณ์การละเมิดสิทธิอย่างชัดเจน

2.ต้องรับประกันว่า กระบวนการมีส่วนร่วมในอนาคต ต้องเกิดขึ้นอย่างเสรี ปราศจากการปิดกั้น ข่มขู่ หรือแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่รัฐ สถานที่จัดต้องเป็นพื้นที่สาธารณะที่เอื้อให้เกิดการถกเถียงแลกเปลี่ยนจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย ไม่ใช่เพียงพิธีกรรม

3.เปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ครบถ้วน และให้เกียรติต่อสิทธิของประชาชนอย่างแท้จริง

ขอเรียกร้องให้สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หยุดทำลายเกียรติภูมิและละเมิดพันธกิจของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยการเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิที่อยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งเดินหน้าจัดเวทีเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อรัฐและทุน

การพัฒนาไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการบังคับและปิดปากประชาชน หากรัฐยังคงเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป โดยเพิกเฉยต่อเสียงของผู้คัดค้าน ย่อมมีแต่จะเพิ่มความไม่ไว้วางใจ และขยายรอยร้าวระหว่างรัฐกับประชาชนให้ลึกยิ่งขึ้น

วันเดียวกัน คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ออกแถลงการณ์ประณามกรณีการคุกคามเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง รวมถึงเรียกร้องให้ สำนักงาน EEC ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความรับผิดชอบ และเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ระบุว่า

จากกรณีการคุกคามตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง ที่เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นร่างรายงานการศึกษาโครงการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2568 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ร่วมกับส่วนราชการจังหวัดปราจีนบุรี และสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดยในระหว่างที่ผู้แทนหน่วยงานรัฐและสถาบันการศึกษากำลังดำเนินการประชุม ได้มีเจ้าหน้าที่ อส. เข้าตรวจค้นกระเป๋าของตัวแทนเครือข่ายปราจีนเข้มแข็ง โดยเฉพาะสตรี ซึ่งได้รับหนังสือเชิญให้เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น และไม่มีพฤติการณ์น่าสงสัยอันใด อ้างว่าต้องการค้นหาอาวุธ เป็นการแสดงออกถึงการคุกคาม ทำให้เกิดความอับอาย ลดทอนคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมเกิดความหวาดกลัว

อีกทั้งเวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวเป็นเสมือน “พิธีกรรม” ในการผลักดันโครงการ ไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบใช้สิทธิเสรีภาพ แสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญและหลักการสากล

เมื่อผู้เห็นต่างแสดงความคิดเห็น จะพยายามรวบรัดจำกัดเวลาและโต้แย้ง แต่เปิดโอกาสให้ผู้สนับสนุนโครงการแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ตลอดจนบรรยากาศในห้องประชุมมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ อส. ไว้ทั่วห้อง ทำให้ผู้เห็นต่างรู้สึกไม่ปลอดภัย ในการแสดงความคิดเห็น และไม่ได้จัดประชุมในสถานที่ราชการ ซึ่งประชาชนรู้จักและเดินทางเข้าถึงง่าย

คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ ได้ติดตามกรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นต้นแบบของโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ มาอย่างต่อเนื่อง ได้รับรู้ว่า ประชาชนชาวปราจีนบุรี จำนวนไม่น้อย มีความห่วงกังวลต่อกรณีการผนวก จ.ปราจีนบุรี เข้าไปอยู่ใน EEC ในขณะที่ EEC ไม่มีมาตรการตรวจสอบและควบคุมกลุ่มทุน ล้มเหลวในการจัดการปัญหามลพิษ

รวมถึงเป็นระบบเศรษฐกิจ ที่ทำลายเศรษฐกิจฐานราก และไม่ได้กระจายรายได้ให้คนท้องถิ่น แต่ภาครัฐและคณะวิชาการที่รับจ้างทำการศึกษา ไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดการพัฒนาพื้นที่ มีท่าทีในการปิดปาก และบีบบังคับให้ประชาชนยอมรับ

เราจึงขอประณามเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงเรียกร้องให้ สำนักงาน EEC ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับประกันว่าจะปรับปรุงกระบวนการศึกษาให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เป็นกระบวนการศึกษาที่ครอบคลุม ทั่วถึง เป็นกลาง ปราศจากการปิดกั้น ข่มขู่คุกคาม หรือแทรกแซง และเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน ตรงไปตรงมา

อ่านข่าว : เปิดตัว "พล.ร.อ.ไพโรจน์" ว่าที่ ผบ.ทร. คนใหม่

อย. สั่งเพิกถอน ยาสมุนไพรดัง พบสารอันตรายเสี่ยงถึงชีวิต

"ภราดร" คาดแถลงนโยบายรัฐบาล 29-30 ก.ย. หวังดึงงบฯ 68 ทำคนละครึ่ง