เป็น 1 ใน 6 รองนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลนายกหนูฯ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่ปรากฎชื่อมาแบบสายฟ้าแลบ “โสภณ ซารัมย์” ยังไม่ชัดว่าจะเข้ามากำกับดูแลภารกิจด้านไหน และเป็นที่น่าจับจ้องว่า บ้านใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน จะมีวาระอื่นใดสำคัญมอบหมายให้รับผิดชอบ เพราะงานของกระทรวงคมนาคมและเขากระโดง เป็นเรื่องที่ตัดกันไม่ตาย ขายกันไม่ขาด
หากพลิกรายชื่อ รองนายกทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย
- นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม
- นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี
- นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี
- นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง
- ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์
- นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หากนับเฉพาะโควตาของพรรคภูมิใจไทย ไม่รวมรองนายกฯ คนนอก คือ นายบวรศักดิ์ และนายเอกนิติแล้ว ยังมี “โกเกี๊ยะ”นายพิพัฒน์ และอดีตเจ้าของฉายา ครูบ้านนอก “โสภณ ซารัมย์ ” สายตรงบ้านใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน ที่ “มาเหนือ” โดยได้รับมอบภารกิจสำคัญในฐานะรองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านบริหารด้วยอีกคนหนึ่ง ถือเป็นการ Come back สู่สนามการเมืองในรอบ 17 ปี ก่อนที่จะมีการยุบสภาในอีก 4 เดือนข้างหน้านี้

โสภณ เป็นลูกชาย “กำนันสนั่น ซารัมย์” คนบ้านหนองเก้าข่า ตำบลเมืองแฝก อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ เรียนจบครุศาสตรบัณฑิต สาขาการประถมศึกษาจากวิทยาลัยครูบุรีรัมย์ วิทยาลัยครูบุรีรัมย์ และรับราชการเป็นครูอยู่หลายปีก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง แต่งงานกับนางอารีญาภรณ์ ซารัมย์ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลลำปลายมาศ
มีบุตร 3 คน หนึ่งในนั้น คือ “สจ.เติ้ง” นายอาณัตพณ ซารัมย์ อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ส่วน สมบูรณ์ ซารัมย์ “พี่ชาย” ปัจจุบันเป็นสส.บุรีรัมย์
- ปี 2544 “โสภณ” ลาออกจากราชการครู มาสมัครสส.บุรีรัมย์ ครั้งแรก ในสังกัดพรรคชาติไทย
- ปี 2548 ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ของทักษิณ ชินวัตร และพรรคพลังประชาชน ในการเลือกตั้งปี 2550 เขาเคยเป็น รมช.คมนาคม ในรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในภายหลังพรรคประชาชนถูกยุบ
“เนวิน ชิดชอบ” พาสส.กลุ่มเพื่อนเนวิน ตีจากทักษิณ มาร่วมกับ สส.จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย การสนับสนุนให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”เป็นนายกรัฐ มนตรีในครั้งนั้น ทำให้ในปี 2551 “โสภณ” ได้นั่งในตำแหน่งรมว.คมนาคม

- ปี 2553 เขาคือหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องการทุจริตการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ วงเงินลงทุน 36,055 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการปรับเปลี่ยน รวบวงเงินลงทุนจาก 4 โครงการ เหลือเป็นโครงการเดียว
โดยการกระทำดังกล่าว ถูกฝ่ายค้านระบุว่า ว่า เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน 2 ราย คือ บริษัท ซิโน-ไทย จำกัด วงเงิน 3,233 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทเครือญาติของ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย บิดาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล และ บริษัท ช.การช่าง วงเงิน 2,658 ล้านบาท ทำให้รัฐสูญเสียเงินถึง 6,001 ล้านบาท แต่หลังมีการลงมติ “โสภณ” ก็สามรถผ่านศึกซักฟอกมาได้ ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจ 234 เสียง ไม่ไว้วางใจ 196 เสียง
เป็นสส.บุรีรัมย์มาตลอด ไม่เคยห่างหายจากการเมือง ตั้งแต่ยุครัฐบาล “ลุงตู่” “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” โดยอดีตครูบ้านนอกคนนี้ มีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม และปัจจุบันก็ยังเป็นประธานคณะกรรมาธิการศึกษาธิการ
ก่อนจะปรากฎชื่อเป็นรองนายกรัฐมนตรี อยู่ใน “ครม.อนุทิน” คอการเมืองฟันธงว่า การกลับเข้ามาของ “โสภณ” เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เพราะในวัย 66 ปี กับวาระการทำงานในช่วงสั้นๆ ก่อนที่พรรคภูมิใจไทยจะประกาศยุบสภา อาจมีวาระซ่อนเร้น หรือภารกิจสำคัญอื่นใดที่ต้องสะสาง
เป็นที่น่าจับตาว่า เมื่อมีการแบ่งงานรองนายกฯ “โสภณ ” จะได้กำกับดูแลภารกิจด้านไหนบ้าง โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม ด้วยหรือไม่ ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า “เขากระโดง” ที่ดินการรถไฟที่กลายเป็นชนวนขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย ตลอดเวลาที่เคยร่วมรัฐบาลกันมานั้น คือ หัวใจสำคัญของบ้านใหญ่บุรีรัมย์
อ่านข่าว