ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จับไต๋ “ฮุน มาเนต” ฟ้องโลกกลบความจริง สร้าง “กาสิโน” ล้ำไทย

อาชญากรรม
18:25
217
จับไต๋ “ฮุน มาเนต” ฟ้องโลกกลบความจริง สร้าง “กาสิโน” ล้ำไทย

แม้ไทยจะมีหลักฐานชี้ชัดว่า พื้นที่ “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็น “จุดที่มีการประท้วง” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิตามที่เขมรกล่าวอ้าง ตอกย้ำความจริงด้วยเอกสารข้อตกลง ไทย-กัมพูชา ลงนามร่วมกันปี 2559 โดยฝ่ายกัมพูชามี นายลาย เซียงลี “ឡាយ សៀងលី” ผ.อ.กองเทคนิคและการสำรวจ สำนักเลขาธิการหน่วยงานแห่งชาติ รับผิดชอบเรื่องพรมแดนในขณะนั้นเป็นผู้ลงนาม

ขณะที่ พล.ต. วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย งัดเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยระบุว่า หลักเขตแดนที่ 42 นั้น ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าคือบ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไล่ไปตาม คลองระลมระสือ จนถึงหลักเขตแดนที่ 44

กระบวนการสำรวจ ในขณะนั้น ชุดสำรวจร่วมไทย-กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยในส่วนของหลักเขตแดนที่ 42 สำรวจ เมื่อวันที่ 2-29 ตุลาคม 2549 พบว่า ยังอยู่ในสภาพดี

แต่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องที่ตั้งประมาณ 80 เมตร ส่วนหลักเขตแดนที่ 43 สำรวจเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน-12 ธันวาคม 2549 พบว่า "หลักล้ม" และถูกฝังอยู่ในดิน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงที่ตั้งที่ถูกต้องร่วมกันได้ และสร้างหมุดชั่วคราว (Temporary Marker: TM) ไว้ ณ ตำแหน่งดังกล่าว

ทันทีที่ กองทัพไทย เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว สำนักข่าวสำนักข่าวแขมร์ ไทมส์ (Khmer Times ) รายงาน เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2568 ว่า พล.ต. เชง คุน รองอธิบดีกรมภูมิศาสตร์ กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกมาแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ว่า แผนที่พื้นที่ชายแดนบริเวณ จ.สระแก้วที่ กองทัพไทยและสื่อมวลชนไทยนำเสนอ เป็นแผนที่ที่วาดขึ้นโดยฝ่ายเดียว ไม่ถูกต้องทางเทคนิค และมีเจตนาทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

“แผนที่ดังกล่าว วาดขึ้นโดยฝ่ายเดียว ทำให้เกิดข้อมูลที่ไม่ถูกต้องทางเทคนิคและนำไปสู่ความเข้าใจผิด ...เส้นสีแดงและสีน้ำเงิน บนแผนที่ดาวเทียมของไทย ไม่ใช่เส้นแบ่งเขตแดนอย่างเป็นทางการ แต่เป็นเส้นเชื่อมที่ไทยวาดขึ้นโดยฝ่ายเดียว กัมพูชาไม่เคยยอมรับให้เส้นเหล่านี้ถือเป็นเส้นแบ่งเขตแดนที่ตกลงกันไว้” รองอธิบดีกรมภูมิศาสตร์ กล่าว

และอ้างว่า แผนที่ที่ลงนามโดย นายลาย เซียงลี อดีตหัวหน้าทีมสำรวจกัมพูชา และหัวหน้าทีมสำรวจไทย เป็นเพียงการยืนยันตำแหน่งของด่านชายแดนเท่านั้น ไม่ใช่เส้นแบ่งเขตแดนอย่างเป็นทางการ

“ข้อกล่าวอ้างว่าลายเซ็นของ ลาย เซียงลี เป็นการยอมรับเส้นแบ่งเขตแดนนั้นไม่เป็นความจริง”

พล.ต. เชง คุน กล่าวว่า การสังเกตการณ์ภาคพื้นดินแสดงให้เห็นว่าพลเมืองไทยกำลังยึดครองและแสวงประโยชน์ในดินแดนกัมพูชา แม้ว่าฝ่ายไทยจะกล่าวหาว่าพลเมืองกัมพูชาบุกรุกก็ตาม

และสาเหตุที่กัมพูชาไม่เคยเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมาก่อน เนื่องจากการเจรจาของคณะ กรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ต้องเป็นความลับ ทั้งสองประเทศมีฐานทางกฎหมายและกลไกที่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 รวมถึงการติดตั้งด่านชายแดนร่วมกัน 74 แห่ง ซึ่งได้รับการรับรองในบันทึกความเข้าใจ ค.ศ. 2000

“กัมพูชายังคงยืนหยัดในการปกป้องอธิปไตย โดยอิงแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เราไม่ได้อ้างสิทธิ์ในดินแดนของไทย และเราขอให้ไทยเคารพอธิปไตยของกัมพูชาเป็นการตอบแทน” พล.ต. เชง คุน ระบุ

ด้าน พล.ต. วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และผอ.สำนัก งานประสานภารกิจด้านความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สรุปหลักแดนที่จ. สระแก้ว พื้นที่ในความรับผิดชอบของกองกำลังบูรพา มีทั้งหมด 24 หลัก(หลักที่ 28-51) มีความเห็นตรงกัน ในที่ตั้งหลักเขตแดน 13 หลักได้แก่ 29 30 31 32 37 40 41 43 44 45 49 50 51

และมีความเห็นไม่ตรงกันในที่ตั้งหลักเขตแดน 11 หลัก ได้แก่ 28 33 34 35 36 38 39 42 46 47 48

ลักษณะทางกายภาพแนวเขตแดน
28-31 ห้วยโอปะอาว
32-33 ห้วยไทร
33-43 เส้นตรง
43-44 ห้วยระลมระสือ
44-45 เส้นตรง(45 เป็นจุดเลี้ยว)
45-49 เส้นตรง
49-50 คลองลึก
50-51 ห้วยพรมโหด

พล.ต.วันชนะ ระบุว่า การที่ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำไปฟ้องโลก ก็เป็นเพียงกลบเกลื่อนความจริงเท่านั้น และ “ฮุน มาเนต” ไม่กล้าเล่นพื้นที่สระแก้วแน่นอน เพราะเสียผลประ โยชน์มาก เนื่องจากทางการเขมรเซ็นยอมรับหลักแดนเอง

การยอมรับหลักแดนก็เท่ากับยอมรับเส้นเขตแดนไปด้วย แม้บางหลักไม่ตรงกันบ้างแต่ก็พอจะประมาณได้ว่า พื้นที่ใดอ้างสิทธิ์ ซ้อนกัน พื้นที่ใด้เป็นของใครชัดเจน และเมื่อดูจาก ข้อเท็จจริงแล้วจะพบว่า เขมรได้สร้างกาสิโนล้ำเข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิ์ชัดเจน อีกทั้ง ยังมีชาวบ้านเขมรที่สร้างที่พักอาศัยล้ำเขตแดนเข้ามาในพื้นที่ของไทยอีกด้วย

“มาถึงตรงนี้ ชักเป็นห่วงความปลอดภัยของ นาย ลายเซียงลี คนที่เซ็นยอมรับหลักเขตแดนร่วมกันกับไทย เสียแล้ว ว่าจะอยู่ดีหรือไม่”

พล.ต.วันชนะ ระบุว่า อีกประการที่สำคัญ แม้ว่าจะมีค่ายอพยพผู้ลี้ภัย อยู่ในพื้นที่จ.สระแก้วก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด มีมากที่เข้ามาอยู่เอง และบอกได้อย่างชัดเจนว่า ทางเทคนิคประเทศไทยไม่ยอมรับชาวเขมรเหล่านี้ว่าเป็นผู้ลี้ภัยเลย ดังนั้นไม่ใช่เขมรทั้งหมดจะเป็นผู้ลี้ภัย และส่วนมากเป็น พวกหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยไทยได้จัดตั้งหน่วยที่ชื่อว่า“หน่วยควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา”

ดังนั้นจากนี้เป็นต้นไปเราจะไม่เรียกเขมรว่าเป็นผู้ลี้ภัยแต่เราจะจำกัดคำนิยามพวกเขมรว่า “ผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา”

การชี้แจงของกองทัพไทย ในเรื่องเขตอธิปไตยบริเวณ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ถูกฝั่งกัมพูชานำไปฟ้อง “มาเลเซีย” โดยอ้างว่า เป็นเหยื่อ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมา กัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุด หลายต่อหลายครั้ง มีการลักลอบเข้ามาวางระเบิดทุ่นสังหาร PM-21 ทำให้ทหารต้องเสียขาจากการเหยีบบกับระเบิด

ขณะที่พื้นที่ด้านกองทัพภาคที่ 1 เขมรได้ใช้ ผู้หญิง เด็ก และพระสงฆ์ เป็นโล่ห์มนุษย์ล้ำเข้ามาในพื้นที่อธิปไตยไทย 

เวปไซต์ข่าว “มาเลย์ เมล” ตีพิมพ์บทความ ของ ฟาร์ คิม เบ็ง ศาสตราจารย์ด้านอาเซียนศึกษาที่มหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติแห่งมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันนานาชาติและอาเซียนศึกษา (IINTAS) โดยเตือนรัฐบาลมาเลเซีย ให้ระวัง กัมพูชา ที่เล่นบทเหยื่อในวิกฤตชายแดนกับประเทศไทย

ในตอนหนึ่งระบุว่า ...หากมาเลเซียถูกมองว่าเข้าข้างกัมพูชา ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียน และเป็นหุ้นส่วนสำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแตกแยก

การรับรู้เช่นนี้ อาจบั่นทอนความสามารถ ของมาเลเซียในการไกล่เกลี่ย ไม่เพียงแต่ความขัดแย้งนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อพิพาทอื่นๆ ที่ความเป็นกลางและความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ มาเลเซียจึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการรวบรวมหลักฐานที่ครบถ้วนจากทั้งสองฝ่าย ไม่เพียงแต่การรับฟังผู้สังเกตการณ์ชาวกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังต้องยืนยัน รายงานเหตุการณ์ทั้งหมดของไทย ซึ่งรวมถึงรายงานปฏิบัติการ ภาพถ่ายดาวเทียม และภาพวิดีโอที่มีอยู่

นอกจากนี้ควรเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นกลางผ่านอาเซียน การเพิ่มทีมผู้สังเกตการณ์จากหลายประเทศสมาชิก จะช่วยให้สามารถยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่บ้านหนองหญ้าแก้วได้อย่างเป็นอิสระกลไกดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผูกขาดเรื่องราว

และสุดท้ายคือ ควรวางกรอบแถลงการณ์สาธารณะอย่างสมดุล การแสดงความห่วงใยด้านมนุษยธรรมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นสิ่งสำคัญ แต่การตระหนักว่าความตึงเครียดบริเวณชายแดน มักไม่เกิดขึ้นเพียงฝ่ายเดียวก็สำคัญเช่นกัน ความยับยั้งชั่งใจ การเจรจา และการปฏิบัติตามข้อตกลง

ทั้งนี้ มาเลเซียสามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจได้ โดยไม่ตกเป็นเหยื่อของการแทรกแซง

 อ่านข่าว

“พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์” รมว.ยธ. ใต้ร่มเงา “บ้านใหญ่บุรีรัมย์”

ระเบิดเวลา “ตระกูลฮุน” ชะตากรรมคนเขมร กลับบ้าน “ไม่มีงานทำ”

"เขมร" การละคร ส่งม็อบป่วน "หนองหญ้าแก้ว" ฟ้องโลกถูกรังแก