วันนี้ ( 25 ก.ย.2568) นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยปี 2568 ว่า ครัวเรือนไทยส่วนใหญ่ 30.9% มีรายเฉลี่ย 5,0001-100,000 บาท/เดือน ส่วนใหญ่ 46.3 % ไม่เคยเก็บออมเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ส่วนกลุ่มคนที่มีการเก็บออมพบว่ามีการเก็บออมลดลง

นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย
นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย
ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบสถานะทางการเงินของครัวเรือนปีนี้กับปีก่อน ส่วนใหญ่ 44.5% มี สถานะเหมือนเดิม ,28.4% แย่ลง ,20.7% แย่ลงมาก ,5.2% ดีขึ้น และ1.2ดี% ขึ้นมาก ด้านสถานะรายได้เทียบกับรายจ่าย 47.3% ตอบว่า มีเงินเหลือเก็บ และ 22.2% เงินไม่เพียงพอใช้จ่าย
โดยกลุ่มที่รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย 39.9 %แก้ปัญหาด้วยการ กู้ยืมจากแหล่งต่างๆ อันดับ1 คือ กดเงินสดจากบัตรเครดิต รองลงมา กู้จากธนาคารพาณิชย์ กู้จากธนาคารเฉพาะกิจ เป็นต้น ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนมาก 38.2% มองว่าค่าครองชีพเป็นสาหตุหลักที่ทำให้ความเป็นอยู่แย่ลง

ผู้ตอบส่วนใหญ่ 95.1 %บอกว่ามีหนี้ มีเพียง 4.9% ที่ตอบว่าไม่มีหนี้ และมีหนี้เฉลี่ย 740,596.94 บาท/ครัวเรือน มีอัตราผ่อนชำระ 22,022.08 บาท/เดือน โดยเป็นหนี้ในระบบสัดส่วน 65.0% ผ่อนชำระ 20,330บาท/เดือน ส่วนอีก 35%เป็นหนี้นอกระบบ ผ่อนชำระ 8,023/เดือน
สำหรับประเภทหนี้สินใหญ่ 46.8 %เป็นหนี้บัตรเครดิต รองลงมา คือ หนี้ที่อยู่อาศัย และ ยานพาหนะ โดยเมื่อแบ่งตามอาชีพจะพบว่า อาชีพราชการ ก่อหนี้ยานพาหนะมากสุด อาชีพรับจ้างก่อหนี้สินเชื่อบัตรเครดิต เจ้าของกิจการก่อหนี้ที่อยู่อาศัย พนักงานเอกชน ก่อหนี้บัตรเครดิต และเกษตรกร ก่อหนี้สินเชื่อเพื่อการเกษตรมากที่สุด เมื่อแยกเฉพาะหนี้บัตรเครดิต พบว่า ส่วนใหญ่นำไปใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค รองลงมาใช้ในการซื้อ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส ประกอบธุรกิจ และซื้อสินค้าคงทน ตามลำดับ

ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ในปัจจุบัน พบว่า 59.3 % สามารถชำระได้ตามกำหนด ,24.3 % ชำระได้ไม่เกิน 6 เดือน ,15.6% ชำระได้ไม่เกิน 3 เดือน และ 0.8% ไม่สามารถชำระหนี้ได้และกว่า 74.4% เคยผิดนัดชำระหนี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 71.6% สาเหตุหลักที่ผิดนัดชำระหนี้คือ รายได้ลดลง รองลงมาคือ เศรษฐกิจไม่ดี มียอดชำระหนี้เพิ่มขึ้น ตกงาน และอื่นๆ
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจม.หอการค้าไทย กล่าวว่าจากการสำรวจ พบว่าปี2568 ไทยมีหนี้เฉลี่ยครัวเรือนเฉลี่ย 740,596.94 บาท/ครัวเรือน ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน 22.1 % ทั้งนี้ 69.9% เป็นหนี้ในระบบ และ 35% เป็นหนี้นอกระบบ จะเห็นได้ว่าสัดส่วนหนี้นอกระบบปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 30.1% โดยมีอัตราผ่อนชำระต่อเดือนรวม 20,290.37 บาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8 %

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย
ประเทศไทยมีปัญหาหนี้ครัวเรือนมา10 ปีแล้ว มีสัดส่วนสูงกว่า 80% ของจีดีพีปี67 ไทยมีภาระหนี้ครัวเรือนราว 600,000 บาท ที่/ครัวเรือน แต่ปีนี้ เพิ่มเป็น 740,000 แสนบาท/ครัวเรือน เพิ่มขึ้นถึง 22% ถือว่าเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 4 ปี
โดยสาเหตุหลัก เกิดจากเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพสูงขึ้น และสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ขณะที่หนี้นอกระบบก็พุ่งสูงขึ้น เพราะสินเชื่อในระบบตึงตัวแบงก์ไม่ปล่อยกู้ทำให้สินเชื่อติดลบต่อเนื่อง4ไตรมาสแล้ว หลังจากนี้ต้องจับตามองNPLเป็นพิเศษ เพราะมีเอ็นพีแอลที่อยู่กลุ่มต้องจับตามมองพิเศษ 6% ขณะที่เอ็นพีแอลในกลุ่มที่ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองอยู่ที่4% ทำให้คนผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น

“ปัญหาหนี้ครัวเรือนเกิดจากเศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลจะต้องเร่งกระตุ้นจีดีพีโดยเร็ว เริ่มจากมาตรการคนละครึ่ง เชื่อว่าหากรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินคนละครึ่งวงเงิน 50,000 ล้านบาทจะทำให้จีดีพีปีนี้โตได้ถึง 2% จะดึงให้หนี้ครัวเรือนลดลง และหากรัฐกระตุ้นต่อเนื่องทำให้เศรษฐกิจปีหนี้โตได้ 3-4% จะทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีลดลงต่ำกว่า 80% ได้ภายใน 3 ปี ”
นอกจากนี้ รัฐจะต้องเร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะข้าว ต้องเร่งหาตลาด รวมทั้งเร่งหาสินเชื่อให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี หามาตรการทำให้สินเชื่อกลับมาเป็นบวกให้ได้ในไตรมาส 4 ปีนี้
อ่านข่าว:
ผลสำรวจชี้ คนไทยนิยมสินค้าไทย “ความงาม-แฟชั่น” แนวโน้มพุ่งแรง
แบงก์ชาติ เผยปี65 คนไทยเสียเงิน ภัยออนไลน์เกือบแสนล้าน รู้ตัวช้าเกิน18 ชม.
ตลาดอาหารหมา-แมวคึกคัก ไทยขึ้นแท่นเบอร์2 ส่งออกโลก