สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระบุผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า สหรัฐฯ เตรียมสนับสนุนเงิน 675,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 22 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือกัมพูชาในโครงการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ตั้งแต่เดือน พ.ย.2025 ไปจนถึงเดือน เม.ย.2026 หลังจากรัฐบาลอเมริกันยกเว้นข้อจำกัดเรื่องการระงับจัดส่งเงินช่วยเหลือต่างชาติให้กับกัมพูชาเป็นพิเศษ
ข้อยกเว้นดังกล่าวเปิดทางให้กัมพูชายังสามารถเข้าถึงเงินทุน 6.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่วางแผนไว้แล้วได้ไปจนถึงเดือน พ.ย.2025 ซึ่งโครงการเหล่านี้ได้รับการอนุมัติตั้งแต่ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี และสั่งระงับเงินช่วยเหลือต่างชาติในเดือน ก.พ.2025
กัมพูชาถือเป็นประเทศแถวหน้าในการจัดการกับทุ่นระเบิด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดที่ตกค้างจากสงครามหลายล้านลูกกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเมื่อปี 2023 กัมพูชาได้รับเงินสนับสนุนเพื่อการเก็บกู้และให้ความรู้เรื่องทุ่นระเบิดมากกว่า 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 10 ประเทศ ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุด

สหรัฐฯ บริจาคเงินกว่า 13 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของเงินบริจาคทั้งหมดเมื่อปี 2023 ทิ้งห่างเยอรมนี 3 เท่า ตามมาด้วยอังกฤษ นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จีนเริ่มขยับตัวเข้ามาเล่นบทบาทสนับสนุนกัมพูชาแทนที่สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการประกาศอัดฉีดงบประมาณ 4.4 ล้านดอลลาร์ช่วยกัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในเดือนเดียวกับที่ทรัมป์สั่งระงับเงินช่วยเหลือทั่วโลก
นับตั้งแต่ปี 1993 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกันสนับสนุนเงินช่วยเหลือกัมพูชาในโครงการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปแล้วมากกว่า 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจับมือเป็นหุ้นส่วนกับองค์การความช่วยเหลือแห่งประชาชนชาวนอร์เวย์ ซึ่งเป็นองค์กรด้านมนุษยธรรม และศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC)
นอกจากนี้ ในปี 2025 สหรัฐฯ ยังประกาศสนับสนุนเงินอีก 12 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวชาวกัมพูชาให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ซึ่งทางการกัมพูชาแสดงความหวังว่าสหรัฐฯ จะยังคงเดินหน้าช่วยเหลือกัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดต่อไป ซึ่งปัญหานี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในกัมพูชาปีละหลายสิบคน
ข้อมูลจากรายงาน Landmine Monitor 2024 ซึ่งรวบรวมข้อมูลสถานะทุ่นระเบิดทั่วโลก ชี้ว่า กัมพูชาทำสถิติเป็นประเทศที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดมากที่สุดในโลกติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน ซึ่งเป็นข้อมูลทางการล่าสุด

จุดที่น่าสนใจคือ ตัวเลขพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดของกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากมากกว่า 43 ตารางกิโลเมตรในปี 2021 เป็นกว่า 167 ตารางกิโลเมตรเมื่อปี 2023 ขณะที่หากย้อนไปถึงปี 2019 และ 2020 จะพบว่ากัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดติด 5 อันดับแรกของโลกทั้งสิ้น
มองในด้านหนึ่ง การที่สหรัฐฯ กลับมาให้การสนับสนุนกัมพูชาอีกครั้ง กำลังส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ จะเดินหน้าสานสัมพันธ์และขัดขวางการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน หรืออาจจะถึงขั้นใช้เงินซื้อใจกัมพูชา เพื่อบั่นทอนอำนาจของจีนในภูมิภาคนี้ด้วยหรือไม่
หลังจากความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาในปัจจุบัน ดูจะทำให้รัฐบาลตระกูลฮุนหันหน้าเข้าหาตะวันตกเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีต หรืออาจจะมองได้ว่ากลยุทธ์ตั้งกำแพงภาษีของทรัมป์ กำลังทำให้ประเทศเล็กๆ อย่างกัมพูชาหมดทางเลือกหรือไม่
บางคนออกมาตั้งคำถามว่า ขณะนี้กัมพูชากำลังเล่นเกมถ่วงดุลมหาอำนาจ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงบนภูมิรัฐศาสตร์โลกหรือไม่ แต่การช่วยเหลือของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณไปถึงการฟื้นฟูความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อ่านข่าว
รบ.สหรัฐฯ "ชัตดาวน์" หน่วยงานรัฐเกือบทั้งหมดพักงานไม่มีกำหนด
ฟิลิปปินส์ประกาศ "ภาวะภัยพิบัติ" แผ่นดินไหว ยอดตายแตะ 60 คน
ทรัมป์ควรรู้ "ตะวันออกกลาง" ไม่เคยขาดแผนสันติภาพ แต่ส่วนใหญ่ล้มเหลว