วันนี้ (2 ต.ค.2568) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ปัจจุบันการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล กรมฯ พยายามให้ภาคธุรกิจได้รับความสะดวก รวดเร็ว และจดทะเบียนได้ง่ายขึ้น โดยเน้นให้บริการผ่านออนไลน์ แต่ในทางกลับกัน ผู้ไม่สุจริตก็ใช้เป็นช่องทางหลอกลวงประชาชนได้ง่ายเช่นกัน โดยมีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลและเปิดบัญชีกับธนาคารเพื่อหลอกลวงประชาชนในลักษณะ “บัญชีม้าแบบนิติบุคคล”

นอกจากนี้ ยังมีนิติบุคคลบางรายที่หลีกเลี่ยงหรือประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนกฎหมาย รวมถึงกรณีที่บุคคลต่างด้าวจดทะเบียนนิติบุคคลโดยอาศัยคนไทยเป็นตัวแทนอำพรางหรือนอมินี (Nominee) ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ซึ่งมีความรุนแรงมากขึ้น
กรมฯ ได้จัดตั้งกองป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวโดยตรง และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฝ่าฝืนกฎหมาย และยังได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธานคณะกรรมการด้วยตนเอง

ทั้งนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้กำหนดกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามธุรกิจที่หลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการป้องกันการจดทะเบียนธุรกิจ คณะอนุกรรมการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ คณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบบัญชีธุรกิจ และคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามภารกิจในแต่ละด้าน
สำหรับแนวทาง วิธีการตรวจสอบ รวมทั้งมาตรการในการป้องกันและปราบปรามธุรกิจที่หลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย คณะอนุกรรมการแต่ละด้านจะได้พิจารณากำหนดต่อไป หากพบการกระทำความผิดจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด
“การดำเนินการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายในรูปแบบของคณะกรรมการฯ และการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นประโยชน์ต่อภารกิจภาครัฐ การลงทุน และดำเนินธุรกิจภาคเอกชนเป็นไปด้วยความสะดวก ก่อให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาประเทศในระยะยาว”
อ่านข่าว:
"ศุภจี"ลดค่าครองชีพปชช.เพิ่มทางเลือกลดรายจ่ายค่ายารพ.เอกชน
“ไทย-เกาหลีใต้” เจรจา CEPA รอบ 7 เร่งปิดดีลภายในปี 68 หวังดูดการลงทุนเกาหลีใต้เพิ่ม