ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เลือดเก่า ปชป.ไหลกลับ ดัน “อภิสิทธิ์” นั่งหัวหน้าพรรคคนที่ 10

การเมือง
16:34
223
เลือดเก่า ปชป.ไหลกลับ ดัน “อภิสิทธิ์” นั่งหัวหน้าพรรคคนที่ 10
อ่านให้ฟัง
08:43อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ปรากฎการณ์ “เลือดเก่า” ไหลกลับของอดีตสส.อาวุโสค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมที่ทยอยกลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อร่วมโหวตหัวหน้าพรรคคนที่ 10 วันที่ 18 ต.ค.2568 นี้ คึกคักอย่างยิ่งในการยืนยันสถานะสมาชิกภาพ “ชิงสิทธิ” เข้าร่วมองค์ประชุมใหญ่วิสามัญวันที่ 18 ต.ค.เพื่อดัน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมาฟื้นฟู “ประชาธิปัตย์” อีกรอบหนึ่ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2566 และพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ “จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์”หัวหน้าพรรคฯในขณะนั้นได้ ส.ส.เพียง 25 คนจากอดีตรุ่งเรืองเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 จนมีคำเปรียบเปรยว่าแค่ส่ง“เสาไฟ”ลงสมัครยังชนะเลือกตั้ง

ส่งผลให้“จุรินทร์”ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อแสดงความรับผิดชอบและแม้จะมีเรื่องวุ่นวายภายในพรรคฯทำให้ “อภิสิทธิ์” ต้องถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคและลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็นหัวหน้าพรรคฯ

ในช่วงเวลา 1 ปี 9 เดือนที่ “เฉลิมชัย” มานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคฯแม้จะได้เข้าร่วมในรัฐบาลเพื่อไทยยุค “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรีและกลับมาเป็นฝ่ายค้านอีกรอบในรัฐบาลอนุทิน “ค่ายสีฟ้า” ก็ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยน “แม่ทัพ” ในเวลานับถอยหลังไปสู่การเลือกตั้งปี 2569

หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งพรรคฯได้เผยแพร่ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ผู้มีสิทธิ์เป็นองค์ประชุมใหญ่วิสามัญตามข้อบังคับ ข้อ 78 ให้ดำเนินการสมัครสมาชิกเพื่อยืนยันสถานการณ์เป็นองค์ประชุม ให้ทันภายในวันที่ 3 ต.ค.2568 ก่อนเวลา 00.00 น. (เที่ยงคืน) เพราะหากพ้นกำหนดแม้จะเป็นสมาชิกพรรคแล้วจะถือว่าไม่มีสถานะเป็นองค์ประชุมของการประชุมใหญ่วิสามัญที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 ต.ค. 2568 

ทันทีที่มีข่าว "ซือเป๋" อาวุโส ชวน หลักภัย และ บัญญัติ บรรทัดฐาน ออกแรงหนุน “อภิสิทธิ์ ” คัมแบ็กหัวหน้าพรรคฯและอาจมีชื่อคนดังอีกหลายคนเข้าร่วมทีมใหม่ส่งผลให้อดีตสส.เก่าสมาชิกพรรคฯและผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่กทม.และต่างจังหวัดเดินทางเข้ามายื่นใบสมัครสมาชิกภาพจำนวนมาก

ทั้ง คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ อดีตรมว.ประจำสำนักนายกฯ,นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรมว.วัฒนธรรม ,สาธิต ปิตุเตชะ อดีตรมช.สาธารณสุข นายแพทย์บัญญัติ เจตนจันทร์ อดีตสส.ระยอง 3 สมัย,นิพนธ์ ธาราภูมิ อดีตสส.ลพบุรี รวมทั้งนายทศพร และนางอัญชลี วาณิช เทพบุตร อดีตสส.ภูเก็ต

ในพื้นที่กทม.มี “อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์”อดีตสส. กทม. 3 สมัย“อรอนงค์ คล้ายนก”,“อานิก อัมระนันทน์” อดีต สส.บัญชีรายชื่อ 2 สมัยและ“สกลธี ภัททิยกุล”อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.

โดยเฉพาะ“สกลธี”โพสเฟซบุ๊กระบุว่า ตอนหนึ่งว่า นับแต่วันที่ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์จนถึงวันนี้ก็เกือบ 10 ปีพอดี…เป็นการออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆซึ่งทำให้เติบโตขึ้นมากในทางการเมืองมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

บัดนี้ คิดว่าถึงเวลาแล้ว…ที่จะกลับไปช่วยฟื้นฟูพรรค ผมทราบดีว่าการจะไปสู่จุดเดิมของพรรคไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมมีความตั้งใจที่จะรวบรวมกลุ่มคนทุกรุ่นที่มีความปรรถนาดีกับประเทศและอยากเห็นประเทศเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้นช่วยกันขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็งอยู่คู่ประเทศไทยต่อไป

ว่ากันว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าชาวปชป.ส่วนใหญ่ไม่ได้หวังจะได้ทวงแชมป์กทม. 50 เขตกลับคืนเหมือนเมื่อยุครุ่งเรืองแต่ต้องการรักษามวลชนฐานเสียงเก่าแก่ที่เคยเกื้อหนุนกันมาก่อนแม้ปัจจุบันจะโรยราตามวันเวลาที่ผ่านไปแต่อุดมการณ์คนเหลานี้ยังไม่เปลี่ยน

นิพิฎฐ์ เขียนเฟซบุ๊กระบุ หลังจากนี้จะไปเชิญ อำนวย สุวรรณคีรี และดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี กลับประชาธิปัตย์ เพราะเหล่านี้คือผู้อาวุโสในอดีตเคยสร้างพรรคประสบความสำเร็จมาแล้ว

“มิใช่ให้ท่านเหล่านี้ มาเป็นผู้นำแต่ให้ท่านมาให้กำลังใจและสนับสนุนคนรุ่นให้คนรุ่นใหม่รับหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการรักษาชาติบ้านเมืองต่อไปที่สำคัญผู้นำพรรคในอดีตเป็นผู้ที่มีความซื้อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ พรรคการเมืองต้องเป็นที่รวมของคนทุกรุ่น ทั้งรุ่นเก่า รุ่นกลางและรุ่นใหม่”

ขณะที่ฝั่งความเคลื่อนไหวของผู้ที่จะกลับมานำทัพ “อภิสิทธิ์” นอกจากภาพร่วมพร้อมกับข้อความที่ “กรณ์ จาติกวณิช” โพสต์ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2568 วันเดียวกับที่อดีตสส.ส่วนใหญ่ไปยื่นสมัครสมาชิกให้ทันเส้นตายการชิงสิทธิเข้าร่วมองค์ประชุมว่า“หัวข้อเมื่อคืน คือ อนาคตประเทศที่คนทุกรุ่นต้องการ”
ภาพผู้ร่วมเฟรมที่ปรากฏในหน้าเพจเฟสบุ๊ก นอกจาก“อภิสิทธิ์”และ“กรณ์”แล้วยังมีอีก 3 บุคคลที่น่าสนใจ คือ

ดร.สันติธาร เสถียรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กรรมการอิสระ

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมและผู้ร่วมก่อตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคม“Youth in Charge”

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์

และผศ.ดร.ต่อภัสร์ ยมนาค ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมืองคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ

ขณะที่บรรดากูรูทางการเมือง วิเคราะห์ว่า การกลับมาของ“อภิสิทธิ์”และพรรคประชาธิปัตย์รอบนี้ใน กทม.น่าจะเป็นพื้นที่เดียวที่พรรคปชป.ยังพอจะมีความหวัง หากนโยบายดี มีทีมทำงานคุณภาพและการวางตัวสส.เขต ในระดับที่คนเมืองหลวงพอฝากความ หวังแบบ“ไม่เลือก ไม่ได้”ลงประกบค่ายส้ม“พรรคประชาชน” ก็ไม่แน่ว่าอาจจะทวงคืนสส.เขตกลับมาได้ระดับหนึ่งอาจจะมากกว่าปี 2566

ต้องไม่ลืมว่าฐานคะแนนเดิมของค่ายฟ้า คือ คะแนนใหม่ที่ย้ายไปเทให้“รวมไทยสร้างชาติ”และ“พลังประชารัฐ”แม้คะแนนส่วนนี้จะลดลงโดยไม่ได้คะแนนจากคนรุ่นใหม่เมื่อเปรียบเทียบกับพรรคส้มแต่ถ้าวางนโยบายดีๆทิ้งหมัดเข้ามุมเย็บตุนคะแนนไปเรื่อยๆยังพอมีความหวัง

ส่วนพื้นที่ภาคใต้ในปี 2569 สนามการเมืองแดนสะตอจะมีการสู้กันหนักระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคกล้าธรรม โอกาสที่ค่ายสีฟ้าจะได้สส.เขตนั้นหวังได้ แต่ก็น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่มีเสบียงกองส่งกำลังบำรุงหนาแน่นจึงได้อาจได้แค่คะแนนเสียงปาร์ตีลิสต์

ขณะที่ภาคอีสาน คงยากจะฟื้นคืนชีพ ดังนั้นทางเลือกของค่ายสีฟ้าในการเลือกตั้งปี 2569 อาจคงต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านไปก่อนแล้วค่อยรอเก็บเกี่ยวผลในอนาคต“ศรัทธา”ที่เคยวิกฤตก็จะมีโอกาสกลับมายืนได้

อ่านข่าว

สร้างรั้วชายไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาสแกมเมอร์ “เขมร” ล้ำเขตแดน

6 ขุนศึกรบเขมร กลาโหม "เสนอชื่อ" รับพระราชทานเหรียญรามาฯ