วันที่ 9 ต.ค.2568 ทีมข่าวไทยพีบีเอส ซึ่งไปเกาะติดสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ขับรถผ่านสะพานข้ามแม่น้ำน้อย ใน ต.ตาลาน อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา มองลงไปด้านล่างแทบจะไม่เห็นผิวน้ำ เห็นเพียงแพผักตบชวาลอยกินวงกว้าง
ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า แพผักตบชวาไหลมากับน้ำ และติดอยู่บริเวณนี้นานนับเดือนแล้ว ต่อให้ไม่ใช่อุปสรรคหลักของการระบายน้ำ แต่ชาวบ้านเชื่อว่ามีผลทำให้น้ำระบายได้ช้าลง
เพื่อความชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับวัชพืชบริเวณนี้ ทีมข่าวสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับคำตอบว่า วันที่ 6 ตุลาคม มีรายงานชี้แจงจากสำนักงานชลประทานที่ 12 ว่า พิกัดที่พบวัชพืชอยู่เหนือประตูระบายน้ำผักไห่ระหว่าง กม.123+900 – กม.125+900 ความกว้าง 35 เมตร ยาว 2,000 เมตร พื้นที่ 43 ไร่ ประมาณ 3,440 ตัน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พยายามนำเครื่องจักรเข้าดำเนินการเพื่อกำจัด แต่ไม่สามารถทำได้

ด้วยเหตุผลว่า ระดับน้ำในแม่น้ำน้อยล้นตลิ่งทำให้ไม่มีพื้นที่วางกองซากวัชพืชและผักตบชวา และด้วยทิศทางการไหลของน้ำในแม่น้ำน้อยไหลย้อนจากบริเวณด้านท้ายประตูระบายน้ำผักไห่ ทำให้วัชพืชและผักตบชวาไม่ไหลตามน้ำไปยังบริเวณหัวงานโครงการ ซึ่งเป็นจุดดำเนินการกำจัด
จึงมีข้อเสนอแนะไว้ว่า เมื่อเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำต่ำกว่า 1,400 ลบ.ม.ต่อวินาที ทิศทางการไหลของน้ำจะไหลตามปกติ จึงจะสามารถนำเครื่องจักรเข้าดำเนินการกำจัดได้ และที่ผ่านมาได้ทำหนังสือชี้แจงเรื่องนี้ผ่านไปยังนายอำเภอผักไห่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทีมข่าวยังโทรศัพท์ไปเจ้าหน้าที่สำนักงานชลประทานที่ 12 ได้รับคำชี้แจงว่า มีแผนปฏิบัติงานจัดเก็บวัชพืชรายเดือนตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรร และดำเนินการตามแผน แต่ช่วงน้ำหลากมักจะมีวัชพืชถูกพัดพามาจากที่อื่น และเป็นช่วงที่น้ำแรงไม่สามารถใช้เครื่องมือกำจัดได้ รวมถึงผักตบชวาใช้เวลาในการเจริญเติบโตเร็ว

สังเกตว่า การจัดการวัชพืชในลำน้ำสาธารณะ มักจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายปัจจัย ทั้งที่สามารถวางแผนเพื่อควบคุมล่วงหน้าได้ และเหตุสุดวิสัยที่ควบคุมไม่ได้ แต่หากดูจาก 9 มาตรการรับมือฤดูฝน ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. พบว่า การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของทางน้ำอย่างเป็นระบบ ถูกวางให้เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญ ที่ต้องดำเนินการก่อนฤดูฝน และตลอดช่วงฤดูฝน
ทีมข่าวค้นหาข้อมูลโครงการและงบประมาณที่ถูกใช้ไปกับการกำจัดวัชพืชในลำน้ำสาธารณะปี 2568 ผ่านการรวบรวมจากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) พบว่า มีกระทรวงที่ได้งบประมาณอย่างน้อย 4 กระทรวง กับ 1 หน่วยงาน รวม 865,321,662 บาท

ซึ่งหากไล่เรียงตามลำดับ พบว่า แต่ละกระทรวงได้รับวงเงินงบประมาณตามสัญญาคร่าวๆ ดังนี้
- กระทรวงมหาดไทย 510 ล้านบาท
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 315 ล้านบาท
- กระทรวงคมนาคม 19.7 ล้านบาท
- กรุงเทพมหานคร 10.3 ล้านบาท
- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 8.5 ล้านบาท

จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังสรุปแผนงานกำจัดวัชพืช ประจำปี 2666/67 ของกรมชลประทาน สังกัดกระทรวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า มีการใช้งบประมาณตาม พ.ร.บ.2567 จำนวน 787 รายการ คิดเป็นงบประมาณ 426.7 ล้านบาท ปริมาณวัชพืช 7.6 ล้านตัน และงบฯ เงินทุนหมุนเวียนปี 2567 จำนวน 154 รายการ คิดเป็นวงเงิน 158 ล้านบาท ปริมาณวัชพืช 4.4 ล้านตัน
เป็นที่น่าสนใจว่าในรอบ 10 ปี 2 กระทรวงหลัก ที่ใช้ได้งบประมาณจัดสรรสูงสุด คือ กระทรวงมหาดไทย 10 ปี ใช้งบประมาณไป 5,159 ล้านบาท ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ไป 1,868 ล้านบาท รวมทุกกระทรวงอยู่ที่ราว 7,430 ล้านบาท
อ่านข่าว : ญี่ปุ่นลดระดับเตือนภัย หลัง "ไต้ฝุ่นหะลอง" เคลื่อนตัวออกห่าง
ครม.อิสราเอล อนุมัติแผนข้อตกลงสันติภาพระยะแรก หยุดยิง-ปล่อยตัวประกัน
สภาพอากาศวันนี้ เตือน กลาง-ตะวันออก-ใต้ ฝนตกหนัก กทม. 60%
แท็กที่เกี่ยวข้อง: