ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“ได้” มากกว่า “เสีย” ปม “ท็อป” แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย

การเมือง
13:51
434
“ได้” มากกว่า “เสีย” ปม “ท็อป” แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย
น่าสนใจว่า การจุดพลุข่าวนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ถูกทาบทามให้ไปเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย

ก่อนจะถูกปฏิเสธจาก “ลูกท็อป” ที่กำลังอยู่ต่างประเทศ มีที่มาที่ไปอย่างไร

เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่ 2 พรรคใหญ่ ภูมิใจไทยและเพื่อไทย กำลังเคลื่อนไหวแย่งชิงพื้นที่สื่อ เพื่อสะท้อนความพร้อมสำหรับการนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง สส. หลังจากรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ของค่ายสีน้ำเงิน ประกาศชัดว่า จะยุบสภาไม่เกิน 31 ม.ค.2569

พรรคภูมิใจไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวบันไดพรรคไม่แห้ง เพราะ สส.และนักการเมือง ผลัดเปลี่ยนไปแสดงเจตจำนงค์และ “มัดจำ” ล่วงหน้าไม่ขาดสาย

ขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้ชิงเปิดตัวก่อนใครเพื่อน ทั้งว่าที่ผู้สมัคร สส.ที่ส่วนหนึ่งเข้ามาทดแทน “เลือดไหลออก” และตั้งผู้อำนวยการเลือกตั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

แต่อาจถูกวิพากษ์จากฝ่ายตรงข้ามว่า “ไม่ปัง” อย่างที่ควรจะเป็น เพราะยังปรากฏ สส.และนักการเมือง “เบอร์ใหญ่” ในพรรคไปเปิดตัวกับภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคกล้าธรรม อย่างนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ

การมีข่าวนายวราวุธ ถูกทาบทามให้ไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ และขยายผลถึงขั้นยุบพรรคชาติไทยพัฒนา ไปรวมกับพรรคเพื่อไทย จึงถูกมองในด้านหนึ่งว่า เพื่อหวังผลให้แคมเปญ “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศ” เข้มข้น เป็นการยกระดับแบบไม่ธรรมดา

อีกด้านหนึ่ง กลับเห็นว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ เป็นเพียงการเลียนแบบโมเดลเดิมของพรรคไทยรักไทย สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งควบรวม 3 พรรคการเมือง เสรีธรรม-ชาติพัฒนา-ความหวังใหม่ ก่อนเลือกตั้ง สส.ปี 2548 ซึ่งนำไปสู่การสร้างสถิติ ชนะเลือกตั้ง ได้ สส.มากถึง 377 คน และสามารถตั้งรัฐบาลโดยพรรคไทยรักไทยเพียงพรรคเดียว

อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมมองหนึ่ง กลับเห็นว่าจะเป็นผลต่อพรรคชาติไทยพัฒนา จึงเชื่อว่าอาจมีการเจรจาจริงก็เป็นได้ เพียงแต่ “ข่าวรั่ว” ออกไปเร็วกว่าที่ควร

เนื่องจากในสนามเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้า จะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นของ 3 พรรคใหญ่ ภูมิใจไทย- เพื่อไทย และพรรคประชาชน นอกจากนี้ ยังจะมีพรรคกล้าธรรม ที่พร้อมยกระดับพรรค ร่วมวงไพบูลย์อีก 1 พรรค

พรรคเล็กพรรคน้อย จึงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ โดยเฉพาะด้านชื่อชั้น ตัวบุคคล และยุทธปัจจัย พรรคชาติไทยพัฒนา ที่ปัจจุบันมี สส.10 คน ก็จะอยู่ในข่ายดังกล่าวด้วย ดังนั้น การเข้าร่วมกับพรรคใหญ่ จึงน่าจะได้เปรียบกว่า

แต่ก็ถูกย้อนแย้งจากกูรูทางการเมือง อีกส่วนหนึ่งว่า จะทำให้พรรคชาติไทยพัฒนาต้องสูญเสียอำนาจการต่อรองทางการเมืองลงจากเดิม หากเทียบกับยังคงพรรคการเมืองเดิมเอาไว้ เพราะถึงอย่างไร พรรคเล็ก ๆ ก็ยังมีโอกาสถูกดึงร่วมตั้งรัฐบาลอยู่ดี

ที่สำคัญหากยอมยุบพรรคไปรวมกับพรรคใหญ่ จะทำให้ความมุ่งหวังสร้างพรรคการเมืองของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ตั้งแต่สมัยเป็นพรรคชาติไทย ที่เป็นตำนานและความภาคภูมิใจของคนในตระกูล “ศิลปอาชา” ต้องถูกลดคุณค่าความสำคัญไปทันที

จึงสอดคล้องกับการออกโรงปฏิเสธ และยืนยันยังอยู่พรรคชาติไทยพัฒนาของนายวราวุธ ซึ่งในมุมกูรูการเมืองสายนี้ เชื่อว่า “ลูกท็อป” ปฏิเสธอย่างแข็งขัน ไม่ใช่แทงกั๊ก

นอกจากนี้ ยังเห็นว่าพื้นที่อิทธิพลของ สส.พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่า จ.สุพรรณบุรี หรือ จ.นครปฐม ล้วนเป็นบ้านใหญ่ที่มีฐานเสียงมั่นคง ไม่ทับซ้อนพรรคการเมืองใหญ่ ทำให้โอกาสรักษาเก้าอี้ สส.เดิม ยังคงมีอยู่

กูรูการเมืองส่วนใหญ่ จึงเห็นตรงกันว่า เป็นเพียงการจุดพลุเปิดข่าวนี้ เพื่อหวังผลเฉพาะหน้า หรือหวังผลทางการเมืองบางประการ เพราะในทางปฏิบัติ เป็นเรื่องยากที่คนใน “ตระกูลศิลปอาชา” จะทิ้งพรรคไปในตอนนี้ เพราะมี “เสีย” มากกว่า “ได้”

อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองไทยแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : ปัดใช้กฎอัยการศึก! สมช.ย้ำจุดยืนไทย-กัมพูชา ร่วมกันบริหารชายแดน

ย้อนไทม์ไลน์ ก่อนปฏิบัติการทวงคืน "หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว"

ทอ.เตรียมผลิต "นักบินขับไล่หญิง" - พัฒนาโดรน-แอนตี้โดรน