วันนี้ (11 ต.ค.2568) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการไทยเผชิญกับปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะเครื่องหมายการค้า ซึ่งเป็นอุปสรรคในการส่งออกสินค้าและบริการของไทยอย่างยิ่ง ทั้งในส่วนที่ทำให้เจ้าของแบรนด์คนไทยไม่สามารถใช้เครื่องหมายการค้านั้นในต่างประเทศอีกต่อไป และในส่วนที่อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ตัวจริง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
โดยกลุ่มสินค้าที่พบว่าเครื่องหมายการค้าของไทยถูกละเมิดในต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าแฟชั่น รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมักพบการละเมิดใน 2 ลักษณะ คือ บุคคลอื่นปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้ประกอบการไทย เพื่อนำไปทำตลาดแข่งในต่างประเทศ และ บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการไทย เช่น ตัวแทนจำหน่าย (Distributor) ชิงนำเครื่องหมายการค้าไทยที่มีชื่อเสียงไปจดทะเบียนในต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถนำสินค้าซึ่งใช้เครื่องหมายการค้าของตนไปจำหน่ายในประเทศนั้นๆ
ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (มีนาคม - กันยายน 2568) กรมฯสามารถดำเนินการคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของไทยในต่างประเทศได้ทันเวลาหลายรายการ โดยเฉพาะ เครื่องหมายการค้า “Moo Deng” (หมูเด้ง) ขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยที่ตรวจพบในประเทศจีน เครื่องหมายการค้า “Hongthai Brand” ของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ที่ตรวจพบในประเทศจีนและเวียดนาม และเครื่องหมายการค้า “IRPC” ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ที่ตรวจพบในประเทศจีน เป็นต้น
การปกป้องสิทธิผู้ประกอบการไทยและช่วยระงับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที ซึ่งในกรณี Moo Deng (หมูเด้ง) หากเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ทราบว่าถูกละเมิดและทำเรื่องยื่นคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีนได้ทัน คาดว่าจะทำให้สูญเสียโอกาสทางการค้าในตลาดจีนสูงกว่า 300 ล้านบาท

หมูเด้ง
หมูเด้ง
ทั้งนี้กรมฯใช้มาตรการเชิงรุก ปกป้องสิทธิผู้ประกอบการไทยจากปัญหาการถูกละเมิดเครื่องหมายการค้า ผ่านโครงการ Trademark Monitor หรือการเฝ้าระวังและตรวจสอบในช่วงขั้นตอนที่สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของต่างประเทศมีการประกาศโฆษณาเพื่อจะจดเครื่องหมายการค้านั้นหากไม่มีผู้คัดค้าน ซึ่งมีระยะเวลาประมาณ 60 – 90 วัน ตามกฎหมายของแต่ละประเทศ
โดยกรมฯ เริ่มนำร่องตรวจสอบการประกาศโฆษณาของหน่วยงานทรัพย์สินทางปัญญาในกลุ่มประเทศอาเซียนและจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมี.ค. 2568 มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมโครงการมากกว่า 100 ราย
ทั้งนี้ เมื่อกรมฯ ตรวจสอบพบการนำเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับของผู้ประกอบการไทยไปจดทะเบียนในประเทศเหล่านี้ก็จะแจ้งเตือนไปยังเจ้าของเครื่องหมายการค้าของไทยให้พิจารณายื่นคัดค้านการจดทะเบียนในต่างประเทศดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด พร้อมให้ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของกรมฯ ให้คำปรึกษาและแนะนำขั้นตอนการคัดค้านการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวตามกระบวนการของแต่ละประเทศ
ทั้งนี้โครงการ Trademark Monitor ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการไทยจะถูกละเมิดเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการเสริมพลังให้ภาคธุรกิจไทยสามารถขยายตลาดสู่ประเทศต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งกรมฯ จะดำเนินโครงการนี้อย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ 2569 โดยเจ้าของเครื่องหมายการค้าของไทยซึ่งมีแผนที่จะส่งออกสินค้าไปยังประเทศอาเซียนหรือจีน สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้
อ่านข่าว:
คุม "ราคายา-เวชภัณฑ์" ช่วยค่าครองชีพ ไม่ใหม่ แต่ "คนไทย" ต้องรู้