ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

วันแรก รพ.มงกุฎวัฒนะ หยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง - สปสช.ตั้งจุดช่วยเหลือ

สังคม
13:57
229
วันแรก รพ.มงกุฎวัฒนะ หยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง - สปสช.ตั้งจุดช่วยเหลือ
อ่านให้ฟัง
04:32อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะหยุดให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองวันแรก ด้าน "หมอเหรียญทอง" เผยคิดค่าบริการเทียบเท่ารัฐและลดเพิ่ม 5% สำหรับผู้ถือสิทธิบัตรทอง ขณะที่ สปสช.ตั้งจุดให้คำปรึกษาหน้า รพ.

วันนี้ (16 ต.ค.2568) เป็นวันแรกที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ งดให้บริการผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ "บัตรทอง" หลังเกิดปัญหาการค้างชำระค่าบริการระหว่างโรงพยาบาลกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยผู้ที่ต้องการเข้ารับการรักษายังคงสามารถใช้บริการได้ แต่ต้องชำระค่ารักษาและค่ายาด้วยตนเองทั้งหมด

บรรยากาศช่วงเช้าที่อาคาร 2 ของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นจุดให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ยังคงมีประชาชนกว่า 500 คนเดินทางเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบตั้งแต่ขั้นตอนเวชระเบียนว่า หากต้องการรับบริการภายใต้สิทธิบัตรทองจะต้องจ่ายค่ารักษาและค่ายาเอง หากไม่สะดวกจ่ายสามารถขอรับคำแนะนำจากทีมประสานงานของ สปสช.ที่ประจำอยู่ภายในโรงพยาบาล ซึ่งมีการประชาสัมพันธ์ตลอดทั้งวัน

นายณัฐพล อิ่มแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 13 กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สปสช.ได้ตั้งจุดให้คำปรึกษาและบริการย้ายสิทธิอยู่ที่โรงแรมจัมโบเทล ด้านหน้าโรงพยาบาล พร้อมจัดรถบริการรับ-ส่งผู้ป่วยไปยังหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการบัตรทองในพื้นที่ โดยมีแผนรองรับถึงวันที่ 24 ต.ค.นี้

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง สปสช.ได้ประสานให้เข้ารับบริการที่คลินิกชุมชนอบอุ่น หรือศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบส่งตัว

นายณัฐพล ระบุเพิ่มเติมว่า แนวคิดเรื่อง "การร่วมจ่ายค่ารักษา" อาจเป็นโมเดลที่นำไปพิจารณาในอนาคต แต่ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายรองรับ และย้ำว่าผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้มีประมาณ 50,000 คน หากไม่สามารถเจรจากับโรงพยาบาลได้สำเร็จ ภายหลังวันที่ 24 ต.ค.ประชาชนจะต้องเลือกหน่วยบริการใหม่แทน

ขณะที่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่มารับบริการในวันนี้ (15 ต.ค.) หลาคนยังไม่ทราบประกาศล่วงหน้า ทำให้บางคนเตรียมเงินมาไม่เพียงพอ เช่น ผู้ป่วยหญิงคนหนึ่งซึ่งต้องตรวจเอกซเรย์และต้องจ่ายกว่า 4,000 บาท แต่มีเงินติดตัวเพียง 200 บาท จึงขอรับการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลบุษราคัมจิตการุณย์ เขตสายไหม ผ่านศูนย์ประสานงาน สปสช.

ส่วนผู้ป่วยอีกคนซึ่งเข้ามารักษาโรคหัวใจและต้องรับยาทุกเดือน ตัดสินใจชำระค่ารักษาเองประมาณ 1,100 บาท แต่ระบุว่าหากต้องจ่ายเองทุกเดือนอาจไม่สามารถรับภาระได้ จึงเตรียมพิจารณาย้ายสิทธิ์ แม้โรงพยาบาลที่ย้ายไปได้จะอยู่ไกลจากบ้านก็ตาม

ด้าน พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กล่าวว่า การหยุดให้บริการสิทธิบัตรทองเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากโรงพยาบาลไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ต่อไป โดยยืนยันว่าไม่ได้ต้องการยกเลิกระบบบัตรทอง แต่เห็นว่าการเรียกเก็บค่ารักษาจากผู้ป่วยโดยสมัครใจเป็นสิ่งที่ทำได้และไม่ขัดต่อกฎหมาย

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ

พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุว่า จากข้อมูลวันนี้ (15 ต.ค.) มีผู้ป่วยที่ขอรับใบส่งตัวไปโรงพยาบาลอื่นไม่เกิน 10 คน ขณะที่ผู้ป่วยกว่า 90% ยังคงสมัครใจจ่ายค่ารักษาเอง โดยโรงพยาบาลคิดอัตราค่าบริการเทียบเท่ารัฐและลดเพิ่มอีก 5% สำหรับผู้ถือสิทธิบัตรทอง

สำหรับผู้ที่ต้องการย้ายสิทธิ์การรักษา สปสช.เปิดให้ตรวจสอบหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่เขตหลักสี่และดอนเมือง ซึ่งมีคลินิกรวม 7 แห่งที่ยังสามารถรองรับการย้ายสิทธิ์ได้ในขณะนี้

อ่านข่าว

สปสช.เตรียม 4 รพ. รองรับ รพ.มงกุฎวัฒนะ หยุดบริการบัตรทอง

สปสช.รับมีหนี้ค้างจ่าย รพ.ทั่วประเทศ เดินหน้าของบกลาง 8 พันล้าน

เปิดงบบัตรทองปี 69 กว่า 2.65 แสนล้านบาท วางกรอบ 9 ด้านบริการสาธารณสุขครอบคลุม