ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

แค่เข้าจุดสตาร์ต “อภิสิทธิ์” คัมแบค หัวหน้าประชาธิปัตย์

การเมือง
16:52
31
แค่เข้าจุดสตาร์ต “อภิสิทธิ์” คัมแบค หัวหน้าประชาธิปัตย์
ไม่พลิกโผ หรือผิดคาดกับการกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนึ่งในเลือดแท้ประชาธิปัตย์

เล่นการเมืองครั้งแรกกับ ปชป. เป็น สส.สมัยแรก ขณะอายุ 27 ปีกับ ปชป. และได้เป็น สส.หนึ่งเดียวของกรุงเทพฯ เมื่อครั้งพรรคเสื่อมคะแนนนิยมสำหรับคนเมืองกรุง เขาไม่เคยย้ายไปพรรคการเมืองอื่น แม้จะเคยมีภาพปรากฏไปกินข้าวกับหัวหน้าพรรคการเมืองอื่น หลังลาออกจากพรรค ปชป.เมื่อแพ้เลือกตั้ง สส.ปี 2562

เลือกหัวหน้าพรรคครั้งก่อน สู้กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน แต่เพราะไม่สามารถยกเว้นข้อบังคับพรรค ว่าด้วยสัดส่วนเสียงโหวตเลือกหัวหน้าพรรคได้ ก็ชิงตัดสินใจถอนตัว ด้วยรู้ว่าสู้ไปก็แพ้

ท่ามกลางความเสียดายของเอฟซีพันธุ์แท้ของ ปชป. รวมทั้งนายชวน หลีกภัย ผู้อาวุโสของพรรคที่พยายาม “ดัน” เต็มที่

ครั้งนี้จึงสมใจแม่ยกและกองเชียร์ทั้งหลาย ที่ไม่เชื่อใจว่าจะมีใครนำพา ปชป.พลิกฟื้นคืนกลับมาได้ นอกจาก “มาร์ค-อภิสิทธิ์”

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นเพราะการเปิดทางโล่งให้ของนายเฉลิมชัย ที่ความจริงกุมเสียงโหวตเตอร์ของ ปชป.ไว้ในมือเกือบทั้งหมด ทั้งที่เป็น สส. เป็นกรรมการบริหารพรรค และกลุ่มที่ 3 ที่เป็นอดีต สส. อดีต กก.บริหาร อดีตรัฐมนตรีของพรรค รวมทั้งตัวแทนสมาชิกพรรคที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือก

นายอภิสิทธิ์จึงไร้คู่แข่ง และได้เสียงโหวตรวมกว่า 96 % ก่อนจะเปิดตัวเลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีต สส.ตากหลายสมัย และอดีตรัฐมนตรีอุตสาหกรรม คนเลือดเก่าดั้งเดิมของพรรคอีกคน

รวมทั้งกรรมการบริการพรรคชุดใหม่ที่ส่วนหนึ่งเป็นคนหน้าเก่าที่เคยร่วมงานกันมา เช่น นายกรณ์ จาติกวณิช ดร.การดี เลียวไพโรจน์ นายอิสสรา สุนทรวัฒน์ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย

แค่การกลับคืนตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป.หนนี้ ในอีกด้านหนึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับนายอภิสิทธิ์ เพราะยังต้องแบกรับภาระความคาดหวังของคนในพรรค ปชป.และที่เป็นกองเชียร์ไว้ไม่น้อย

โดยเฉพาะโจทย์ใหญ่จะพลิกฟื้นศรัทธา ปชป.กลับมาได้อย่างไร ในกรอบเวลาที่มีจำกัด จากรัฐบาลที่ได้ประกาศวันยุบสภาล่วงหน้าไว้แล้ว

นโยบายหลักที่จะใช้ในการหาเสียง เพื่อแข่งขันกับพรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาชน ที่ยึดครองพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักดั้งเดิมแต่ไหนแต่ไรของ ปชป.ไว้ได้แล้วแทบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ไม่ต่างจากภาคใต้ ที่เป็นฐานการเมืองสำคัญ ที่เคยสนับสนุน ปชป.มาตลอดในอดีต สถานการณ์ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปชัดเจน ยิ่งพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังมาแรงจัด ได้ประกาศจะยึดพื้นที่ภาคใต้ ปักธง สส.ไม่ต่ำกว่า 30 คน ครึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ภาคใต้

ที่ยังพอมีโอกาสลุ้นสู้ ก็คงเป็นที่นครศรีธรรมราชที่บ้านใหญ่ “เดชเดโช” ของนายชัยชนะ เดชเดโช ที่ยังดูจะปักหลักกับ ปชป.สู้ศึกต่อไป แต่ 10 ที่นั่ง ที่ล่าสุด ปชป.ปักธงได้ 6 ที่นั่งของจังหวัด จะเป็นอย่างไร คงต้องลุ้นกันเหนื่อย เพราะนายก อบจ.จังหวัดคนบ้านใหญ่ “เดชเดโช” ก็พ่ายแพ้ไปแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งหลังสุด

ส่วนที่สงขลา แม้เลือกตั้งปี 2566 ปชป.จะได้ถึง 6 ที่นั่งจาก 9 ที่นั่ง แต่ครั้งนี้ไม่รู้ สส.เก่าจะยังอยู่กับ ปชป.กี่คน เพราะถูกค่ายสีน้ำเงินบุกเจาะจนพรุน ล่าสุด บ้านใหญ่ “บุญญามณี” ของนายนิพนธ์ บุญญามณี ก็เปิดบ้านต้อนรับ “ครูใหญ่” และ “แม่ทัพใหญ่ภาคใต้” ของพรรคภูมิใจไทย ปิดดีลไปเรียบร้อย

ยังไม่นับ จ.ตรัง บ้านนายชวน ที่บ้านใหญ่ “โล่สถาพรพิพิธ” ที่ตอนนี้ สยายปีกทั้ง สส.และนายก อบจ. ก็มีข่าวจะเข้าร่วมกับค่ายสีน้ำเงิน

ขณะที่อีกหลายพื้นที่ในภาคอื่น ๆ ที่คนของ ปชป.เคยปักธงไว้ ทั้งในฐานะบ้านใหญ่ และชื่นชอบในอุดมการณ์และจุดยืนของ ปชป. ตอนนี้ถอนสมอ ไปลงเรือกับพรรคการเมืองไปเกือบหมดแล้ว

จึงเป็นส่วนหนึ่งของโจทย์ใหญ่ ที่หัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ แต่หน้าเดิมอย่างนายอภิสิทธิ์ต้องตีให้แตก

การกลับมาเป็นหัวหน้าพรรครอบใหม่ จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น บนเส้นทางที่ยาวไกลและขรุขระกว่าเดิมของ “มาร์ค-อภิสิทธิ์” เท่านั้น

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : "อนุทิน" ชี้สแกมเมอร์เป็นศัตรูอันตราย ใครเกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินคดี

โผโยกย้ายสะเทือนวงการน้ำ ใครควรนั่ง "เลขาฯ สทนช."

"ข้าวต้ม" ฟื้นตัวดี ถีบตัวลุกได้ ทีมแพทย์ช่วยกายภาพต่อเนื่อง