ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“ทรัมป์” ร่วมเวที “สุดยอดอาเซียน” แก้ปม “ไทย-กัมพูชา” ใครได้ใครเสีย

การเมือง
14:52
105
“ทรัมป์” ร่วมเวที “สุดยอดอาเซียน” แก้ปม “ไทย-กัมพูชา” ใครได้ใครเสีย

การลงนามในแถลงการณ์ร่วม ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯไทย กับ ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งที่มีต่อกัน นอกจากมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ประเทศเจ้าภาพ แล้ว ยังมีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ยกย่องตัวเองว่าเก่งเรื่องทำข้อตกลงสันติภาพ

การมีผู้นำโลกเข้ามามีเอี่ยว สะท้อนนัยเป็นการรับประกันในทีว่า สำเร็จลุล่วงแน่นอน ไม่มีฝ่ายใดกล้าบิดพลิ้ว และทั้งนายกฯ ไทยและนายกฯ กัมพูชา ล้วนกล่าวขอบคุณทรัมป์ ว่า อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้

แม้ความจริง การตั้งโต๊ะลงนามโดยมีทรัมป์เป็นประธานและสักขีพยาน เกิดจากการประสานแจ้งเงื่อนไขการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนของทางสหรัฐเอง ขณะที่ทรัมป์ ก็ถูกวิพากษ์แต่ต้นว่า อยากจะได้รางวัลโนเบลสันติภาพ หลังพยายามเข้าไปมีบทบาทในทุกภูมิภาคที่มีการปะทะสู้รบ รวมทั้งไทยกับกัมพูชา

ทั้งได้ฝากคำกล่าวความประทับใจว่า ได้ต่อสายหารือทางโทรศัพท์หลายครั้ง หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อเดือนกรกฎาคม และย้ำคำพูดสุดเท่ห์ว่า รัฐบาลของเขาสามารถยุติความขัดแย้งนี้ได้ และเป็นข้อตกลงที่ “หยุดยิงทันที” โดยไม่มีเงื่อนไข

โดยจะได้รับการสานต่อจากคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) อันประกอบไปด้วยบุคลากรจากสมาชิกอาเซียน ด้วยเหตุผล ให้แน่ใจว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่ลงนามบนกระดาษ

ผลจากหนึ่งในข้อตกลง ไทยและกัมพูชาจะลดความตึงเครียดทางทหาร โดยการถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดน ภายใต้การสังเกตการณ์ของ AOT และร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการอย่างเป็นขั้นตอน

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการ สมช. ระบุว่า เป็นความสำเร็จของไทย เมื่อกัมพูชาไม่มีทางเลือกอื่น เพราะเป้าหมายจะนำเรื่องข้อพิพาทกับไทยไปยูเอ็นเอสซีและองค์กรนานาชาติ แทบจะปิดตายลงแล้ว

การถูกบีบจากมหาอำนาจ และทรัมป์ ต้องการปิดเกมเร็ว กัมพูชาจึงเกรงจะโดยสหรัฐวีโต้ ขณะที่ฝ่ายไทย แทนที่จะเจรจาภาพกว้างๆ ทั่วไป แต่กลับลงลึกในรายละเอียด และยื่น 4 ข้อของนายอนุทิน เป็นเงื่อนไขสำคัญ สำหรับแอคชั่นแพลนหรือแผนปฏิบัติการ ทำให้กัมพูชาต้องเข้าสู่โต๊ะเจรจา

แต่ไทยไม่ควรไว้วางใจกัมพูชามากนัก ต้องรอดูว่าหลังจากโดนัลด์กลับไปแล้ว จะมีละเมิดข้อตกลงอีกหรือไม่

ที่น่าเป็นห่วงในสายตา “เสธ.โหน่ง” คือเรื่องการปราบแก๊งสแกมเมอร์ เพราะหากได้ข้อยุติว่า ไทยกัมพูชาจะร่วมมือกันปราบ แต่ในทางปฏิบัติอาจไม่ได้ประโยชน์อะไร โดยยกตัวอย่างกรณีเกาหลีใต้ ส่งทีมพิเศษเฉพาะกิจและเข้าขอความร่วมมือจาก ฮุน มาเนต แต่สุดท้าย กลับปล่อยให้แก๊งสแกมเมอร์ หลบหนีออกจากอาคารตั้งสงสัย จับมือใครดมไม่ได้

ทั้งยังต้องการให้สหรัฐเป็นผู้เสนอให้นานาชาติเข้าไปปราบปรามปราบสแกมเมอร์ โดยไทยไม่ควร “ตกขบวน” พร้อมเข้าร่วมมือด้วย กรณีเช่นนี้ กัมพูชาจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ และจะส่งผลสะเทือนเครือข่ายตระกูลฮุน ที่ถูกเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับกลุ่มสแกมเมอร์ กับเรื่องรายได้จากสแกมเมอร์

พล.ท.พงศกร เห็นว่า ไทยควรใช้โอกาสนี้ เป็นผู้อำนวยความสะดวกให้กับนานาชาติที่ได้รับผลกระทบจากแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งมีทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศที่พลเรือนตกเป็นเหยื่อ ไทยจึงควรเป็นศูนย์กลาง และประสานกับธุรกิจโรงแรมที่พัก เพื่อรองรับเจ้าหน้าที่จากนานาชาติที่จะเข้ามาดำเนินการเรื่องนี้ และจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวด้วย

ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง ผศ.เชษฐา ทรัพย์เย็น ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เห็นว่า ข้อตกลงในปฏิญญาร่วม หรือ Joint Declaration กับกัมพูชา แทบไม่มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องเดิมที่ต่อยอดจากการเจรจา เจบีซี และ จีบีซี ที่ผ่านมา

แต่ที่น่าเป็นห่วงคือประเด็นเพิ่มเติมจากสหรัฐและโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องลงนามในข้อตกลงเรื่องการค้าจากกรณีภาษี 19 % ที่มีข้อกำหนดรายละเอียดที่ไทยต้องทำ และกรณีแร่หายาก (rare earth element) เนื่องจากถูกจีนตัดการส่งออก สหรัฐฯ จึงต้องแสวงหาชดเชยจากประเทศในกลุ่มอาเซียน และบังเอิญว่า ไทยมีแร่หายากในปริมาณสูงที่สหรัฐฯ ต้องการ

เท่ากับ สะท้อนเหตุผลจริง ๆ ที่อยู่เบื้องหลัง สำหรับการเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่มาเลเซีย ของโดนัลด์ ทรัมป์

และจะเป็นคำตอบสำคัญว่า การมาร่วมเป็นประธานและสักขีพยานการขจัดความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น แท้จริงแล้ว ใครได้ใครเสีย

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : ทภ.1 ยืนยันไม่มีสั่งเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาที่สระแก้ว

กมธ.ชี้แจงความคืบหน้า ศึกษายกเลิก MOU 43 - 44

สปน.เตรียมพร้อมจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพ "สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง"