ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทางลง "ตระกูลฮุน" ปฏิญญาสันติภาพ "ไทย-เขมร" สิ้นสุดภัยคุกคาม?

การเมือง
14:45
188
ทางลง "ตระกูลฮุน" ปฏิญญาสันติภาพ "ไทย-เขมร" สิ้นสุดภัยคุกคาม?
อ่านให้ฟัง
08:11อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

แม้การลงนามในเอกสาร “ปฏิญญาร่วมเพื่อสันติภาพและความมั่นคง” หรือ (Joint Declaration) ในที่ประชุมอาเซียนซัมมิต ( ASEAN Summit) ระหว่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย และ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มาเลเซีย โดยมี “โดนัล ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ และ “อันวาร์ อิบราฮิม" นายกฯมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2568 ผ่านพ้นไปแล้ว แต่สิ่งที่ต้องติดตามนับจากนี้ คือ กัมพูชาจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไข 4 ข้อได้หรือไม่

ทันทีที่การลงนามเสร็จสิ้น ในช่วงค่ำวันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก “Samdech Hunsen of Cambodia” ของ “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ไลฟ์สดการปรับกำลังและถอนอาวุธหนักระยะแรกของกองทัพกัมพูชาออกจากพื้นชายแดนจ.พระวิหาร และอีกหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้การสังเกตการณ์ของคณะผู้สั่งเกตการณ์อาเซียน (AOT)

เสมือนเป็นการขยับรับลูกโชว์จากฝั่งกัมพูชา ยอมรับสภาพเพื่อสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์และภัยคุกคาม อันเป็นผลจากการลงนามในถ้อยแถลง

สำหรับการลงนามดังกล่าว ด้านหนึ่งนอกจากสะท้อนให้เห็นรูปแบบการทำงานร่วมในลักษณะทีมผสมระหว่างรัฐบาล กระทรวงต่างประเทศและกองทัพเป็นหนึ่งเดียวผ่าน 2 เวทีทวิภาคี คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)แล้ว อีกด้านหนึ่งยังเป็นการชิงความได้เปรียบจากปัญหา “กัมพูชา” ตกเป็นจำเลยโลก ฐานเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งสแกมเมอร์

ถือเป็นกรอบความร่วมมือทางการเมืองที่เปิดช่องต่อการสร้างสันติภาพและเป็นความสำเร็จบนโต๊ะเจรจาซึ่งมีนานาชาติเข้าร่วมเป็นพยาน โดยเฉพาะมาตรการปราบปรามแหล่งสแกมเมอร์ ทั้งนี้หนึ่งใน 4 เงื่อนไขของฝ่ายไทยต่อกัมพูชาจากการลงนามในแถลงการณ์ร่วมประกอบด้วย

  • การถอนอาวุธหนัก ออกจากแนวพื้นที่พิพาทชายแดน โดยให้แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย และผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา จัดทำแผนปฏิบัติการร่วม (Action Plan) เพื่อเริ่มขั้นตอนจริงภายในไม่กี่วัน
  • การเร่งเก็บกู้ทุ่นระเบิดและระเบิดสังหารบุคคลที่ยังตกค้างในแนวชายแดน เนื่องจากก่อนหน้านี้ไทยไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เพราะกัมพูชาขัดขวาง แต่หลังจากนี้ชุดประสานงานของไทย-กัมพูชาจะเริ่มทำงานทันที
  • การปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกมซึ่งสหรัฐอเมริกา,อังกฤษ และเกาหลีใต้ ได้เรียกร้องให้ใช้มาตรการเข้มงวดในการปราบปราม โดยไทย–กัมพูชา ให้ความเห็นชอบจัดตั้ง “กองกำลังเฉพาะกิจร่วม” ภายในสองสัปดาห์ เพื่อเริ่มกวาดล้างเครือข่ายและผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ชายแดน
  • และการบริหารจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดน เช่น บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงส่งเจ้าหน้าที่ร่วมสำรวจแนวเขตเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด

หลังการลงนามเสร็จสิ้น ปฏิกิริยาของกองทัพไทย นอกจากยังไม่มีคำสั่งให้เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ในทุกจุดแล้ว เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมากองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพาและศูนย์ปฏิบัติการทุนระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ยังเดินหน้าเข้าตรวจค้นและทำลายทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ขนาดพื้นที่ 11,360 ตารางเมตร

ส่วนกองทัพภาคที่ 2 กองกำลังสุรนารีและหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ได้เข้าสำรวจพื้นที่อันตราย บ้านคันนาสามัคคี ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขนาดพื้นที่ 355,026 ตารางเมตร เพื่อตรวจค้นและทำลายทุ่นระเบิด ตามมติการประชุม GBC เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2563 จำนวน 13 พื้นที่ และหน่วยปฏิบัติการณ์ในพื้นที่ยังมีการจัดชุดทหารยังลาดตระเวนและเฝ้าตรวจในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการทำปฏิญญาสันติภาพที่มาเลเซีย ได้มีการประชุมระหว่างพล.ท.วีระยุทธ์ รักษ์ศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 และพล.อ.โปว เฮง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 แห่งกัมพูชา เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ว่าด้วยการปรับอาวุธหนัก และอาวุธที่มีการยิงทำลายออกจากพื้นที่ขัดแย้ง 2 ประเทศ

โดยไทยและกัมพูชาต้องดำเนินการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ ซึ่งไทยจะเริ่มในปฏิบัติการในพื้นที่ จ.สุรินทร์ เช่น เคลื่อนย้ายปืนใหญ่ อาวุธทำลายล้างสูงออกจากชายแดนทั้งหมดมายังจ.นครราชสีมา และรองรับปืนใหญ่เคลื่อนมาจาก จ.สุรินทร์ และเข้าสู่จุดจัดเก็บจ.ลพบุรี รองรับปืนใหญ่เคลื่อนมาจากจ.นครราชสีมา

และให้คณะผู้สังเกตการณ์ AOT กัมพูชา เดินทางเข้ามาตรวจสอบในแต่จุด ชุดละ 15 คนว่าฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามแผนที่ได้แจ้งไว้หรือไม่ และนำข้อมูลไปแจ้งกับกัมพูชา ซึ่ง พล.อ โปว เฮง จะได้แจ้งต่อ พล.ท.วีระยุทธ จะนัดฝ่ายไทยประชุมเพิ่มเติม หลังเสร็จสิ้นการปฏิญญา ภายใน 1-2 วัน หรือ ระหว่างวันที่ 27 - 28 ต.ค. 2568 เพื่อนำแผนปฏิบัติการมาแจ้งฝ่ายไทย และกำหนดวันเวลา เคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกจากพื้นที่พร้อมกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา นายอนุทิน นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่า สิ่งที่ฝ่ายไทยมีอยู่ คือ หากทางกัมพูชาได้ดำเนินการไปในระดับหนึ่งแล้ว ไทยก็จะคืนตัวทหารกัมพูชา 18 คน ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ โดยจะเร่งดำเนินการส่งคืนให้กัมพูชา ส่วนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตหรือการเปิดด่านยังอยู่ในลำดับท้าย ๆ

สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายไทยได้ประเมินแล้วและต้องมีความเชื่อมั่นว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาต่อความมั่นคงของประเทศไทยลดลงไปในระดับที่ไม่มีความเป็นภัยเกิดขึ้นแล้วจึงจะมาเริ่มฟื้นฟูสิ่งเหล่านั้น

ดังนั้นต้องจับตา สองพ่อลูก “ตระกูลฮุน” ว่าจะบิดพลิ้วเงื่อนไขที่ไทยเสนอหรือไม่ จะเลือกทางรอดและทางลงแบบใด ท่ามกลางความความสั่นไหวทางการเมืองของกัมพูชา เมื่อ “สม รังสี” นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาที่ลี้ภัยอยู่ประเทศฝรั่งเศส ประกาศตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นสู้กับ ฮุน เซน และฮุน มาเนต

ขณะที่หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย ต่างเตรียมพร้อมรับมือทุกด้านในทุกสถานการณ์ ไม่ว่า กัมพูชาจะถอน-ถอย หรือเพิ่มเติมกำลังประชิดชายแดน

อ่านข่าว

ตัดไฟ “ลี ยงพัด” เขมร “จำเลยโลก” แหล่งฟอกเงินแก๊งสแกมเมอร์

เจาะลึกฐานราก "ทุนจีนเทา" เมืองสแกมเมอร์ สีหนุวิลล์-ชเวโก๊กโก

เปิดโปง “ทุนเทาสแกมเมอร์” เปย์หนัก จัดเกรด “เหยื่อ” ค้ามนุษย์