วันนี้ (29 ต.ค.2568) เวลา 09.25 น.นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะโฆษก คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา เปิดเผยความคืบหน้าของการศึกษาว่า วันนี้จะเป็นการศึกษา MOU 44 ในส่วนของ MOU 43 ได้พิจารณาจบไปแล้วในเบื้องต้น
อีกครั้งหนึ่งซึ่งจะมีการสรุปออกมาอีกครั้งหนึ่ง โดย MOU 43 มีความเห็นมีความเห็นแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายที่อยากให้มีการแก้ไขและฝ่ายที่อยากให้ยกเลิก จึงยังไม่มีความชัดเจนว่า จะแก้ไขได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นความเห็นทางกฎหมาย ส่วนการยกเลิกน่าจะเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะจะต้องนำเสนอต่อประชาชนให้รอบด้าน อีกทั้งข้อเท็จจริงบางข้อเป็นข้อมูลลับไม่สามารถเปิดเผยได้ต่อสาธารณะ
ดังนั้นการให้ข้อมูลอย่างรอบด้านจึงไม่สามารถทำได้ทั้งหมดเป็นความลำบากใจของกรรมาธิการ โดยบรรยากาศในห้องประชุมกรรมาธิการ ผู้ที่มาชี้แจงได้มีการขอไม่ให้มีการบันทึกหรือขอให้เป็นการประชุมลับ ส่วนการศึกษา MOU 44 นั้น วันนี้จะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่จะให้ยกเลิกและอีกฝ่ายที่อยากให้คงไว้คาดว่าวันนี้จะได้ข้อสรุปว่าจะไปทิศทางใด
เมื่อถามว่าจากการศึกษามีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การประชามติได้หรือไม่ นายปิยรัฐ กล่าวว่า น่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้หลังจากได้ข้อสรุป MOU 44 แล้ว ซึ่งต้องพิจารณากันว่า จะจัดทำเป็นข้อเสนอให้ ครม.หรือจะนำข้อเสนอนี้พิจารณาในที่ประชุมใหญ่ของสภาต่อไป
ส่วนเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุง นายปิยรัฐ กล่าวว่า ขณะนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ต้องปิดห้องคุยกันอีกครั้ง เพราะมีข้อมูลในเชิงผลประโยชน์ของประเทศไทยพอสมควร ซึ่งเรื่องนี้หากนำเสนอสู่สาธารณะอาจเสียหายได้
เมื่อถามว่า ในเรื่อง MOU บางอย่างเป็นความลับการทำความเข้าใจกับประชาชนอาจเป็นเรื่องยาก อาจจะทำให้ครึ่งหนึ่งไม่ยกเลิก ส่วนอีกครึ่งหนึ่งสามารถใช้ได้มีการพูดคุยเสนอเช่นนี้หรือไม่ นายปิยรัฐ ระบุว่า เป็นปัญหาใหญ่เมื่อจะทำประชามติต้องมีกลไกในการนำเสนอต่อประชาชนเพื่อให้มีข้อมูลที่รอบด้าน ยังเป็นข้อตกลงว่าจะทำอย่างไรในการสื่อสารกับประชาชน โดยไม่ให้ประเทศไทยเสียผลประโยชน์ เป็นส่วนที่สำคัญ ซึ่งเห็นว่าหากกรอบนี้เป็นกรอบกว้างให้มีการตั้งโต๊ะเจรจาหารือก็ยังคงกรอบนี้ไว้ก่อน
แต่หากเมื่อไหร่ที่มีกรอบที่ชัดเจนกว่าดีกว่า ก็นำกรอบนั้นมาและขอยกเลิกตัวนี้ได้ เป็นการเปรียบเทียบให้ประชาชนเห็นว่า กรอบใหม่ดีกว่าอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ต้องทำให้ได้ ดังนั้นตอนนี้ยังตอบคำถามชัดเจนเกี่ยวกับตัวเลือกในการทำประชามติไม่ได้
พร้อมยกตัวอย่างเรื่องการทำ แผนที่ 1:200,000 ที่เถียงว่าไม่ดี แล้วจะมีข้อเสนอใหม่อะไรที่ดีกว่า ซึ่งแผนที่ 1 : 200,000 ใน MOU43 ระบุเฉพาะสัดส่วนดังกล่าวจริงหรือไม่ ซึ่งมาพิจารณากันแล้วก็ไม่ใช่ ซึ่งใน MOU ฉบับดังกล่าวไม่ได้ระบุเอาไว้ ยังมี AutoMap อีกมากมายที่สามารถใช้ได้ นั่น คือกรอบการเจรจาที่เปิดกว้าง
เมื่อถามว่า กรรมาธิการต้องรอข้อมูลนี้จากรัฐบาลหรือไม่ ที่มีการตั้งทหารให้ศึกษาข้อมูลนำมารวมกัน นายปิยรัฐ ระบุว่า พร้อมนำข้อมูลจากทุกฝ่ายมาประกอบการพิจารณา เพราะในกรรมาธิการมีทั้งกรมสนธิสัญญาระหว่าง มีทหาร กรมแผ่นที่ทหาร เจ้ากรมต่าง ๆ ร่วมกรรมาธิการ ที่จะดึงข้อมูลจากทุกฝ่ายมาประกอบการตัดสินใจในเรื่องนี้ ซึ่งกรรมาธิการจะประชุมอีกไม่เกินสิ้นเดือน ต.ค.นี้ จะมีความชัดเจน คาดการณ์ว่าช่วงต้นเดือน ธ.ค.จะมีรายงานของคณะกรรมการออกมา
นายปิยรัฐ ยังกล่าวเกี่ยวกับความเห็นต่างของสังคมเกี่ยวกับการยกเลิกหรือไม่ยกเลิกจะนำไปสู่ความขัดแย้งของคนในสังคมหรือไม่ว่า จะต้องให้ได้ข้อสรุปว่าหากยกเลิก MOU จะเกิดความเสียหายอย่างไร หรือถ้าไม่ยกเลิกจะมีผลได้อย่างไร หลังจากนี้จะต้องคิดต่อว่าจะนำเสนอต่อประชาชนอย่างไร
แน่นอนตอนนี้เรากังวลใจเรื่องเดียว คือ การสื่อสารกับประชาชน ที่ประชาชนจะต้องได้ข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้านที่สุด เราต้องกลั่นออกมาให้สามารถสื่อสารได้มากที่สุด แต่ขณะนี้ตอนนี้ในกรรมาธิการยังมีหลายคนที่ไม่สามารถให้ข้อมูลที่เปิดเผยได้ เป็นข้อกังวลใจแต่ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เมื่อไปนั่งอยู่ตรงนั้นเราจะรู้เลยว่าเรื่องนี้หากพูดออกไปเราอาจจะเสียหายหรือเราอาจจะไม่ได้ประโยชน์ตามที่ต้องการจริง ๆ เป็นความลำบากใจพอสมควร
นายปิยรัฐ กล่าวว่าทุกคนต่างรอผลการศึกษาของกรรมาธิการชุดนี้ ซึ่งข้อมูลที่มีอยู่และข้อถกเถียงหลายข้อมาจากทุกฝ่าย ซึ่งในกรรมาธิการมีทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เจ้าหน้าที่ประจำ รวมถึงข้าราชการที่ดำเนินการเรื่องนี้มากกว่า 30 ปี เช่นเจ้ากรมแผนที่ทหารเป็นข้อมูลที่สำคัญมากจึงอยากให้ทุกฝ่ายรอผลการพิจารณาจากกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญและเป็นบันทึกที่เป็นทางการที่สุดในเวลานี้
อ่านข่าว : “กองทัพบก” ยันพร้อมส่งเชลยเขมรกลับ หากกัมพูชาทำตามเงื่อนไข 4 ข้อ
กมธ.ชี้แจงความคืบหน้า ศึกษายกเลิก MOU 43 - 44
"บวรศักดิ์" ถกฝ่ายมั่นคงปม MOU 43-44 ตอบสื่อ "ถึงเวลาจะพูด"











