วันนี้ (30 ต.ค.2568) CNN รายงาน การพบกันระหว่าง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับ ปธน.สี จิ้นผิง ของจีน ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC 2025
นี่เป็นการพบปะแบบตัวต่อตัวกันครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์กลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 และเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและเทคโนโลยีที่รุนแรงขึ้นระหว่าง 2 มหาอำนาจ คาดว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือเพื่อกำหนดกรอบการจัดการความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ โดยเน้นลดอุปสรรคทางการค้าและหาทางออกจากสงครามภาษีที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่สมัยแรกของทรัมป์
ไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ในเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เริ่มตั้งแต่ ปธน.สี จิ้นผิง เดินทางถึงฐานทัพอากาศกิมแฮ ซึ่งตั้งอยู่ติดขอบสนามบินนานาชาติปูซาน ก่อนถูกรับรองจากโมนิกา โครลีย์ ผู้ช่วยพิธีการของสหรัฐฯ ขณะเข้าอาคารประชุม จากนั้นไม่นาน ปธน.ทรัมป์ ก็เดินทางมาถึงสนามบินกิมแฮเช่นกัน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
ทั้ง 2 ผู้นำเดินออกมาทักทายกันบนพรมแดง หน้าธงชาติสหรัฐฯ และจีน โดยที่ทรัมป์เป็นฝ่ายเดินออกมาก่อน และยื่นมือจับกับสีอย่างอบอุ่น และกล่าวว่า "ดีใจที่ได้เจออีก" ก่อนเสริมด้วยรอยยิ้มว่า
เราจะมีประชุมที่ประสบความสำเร็จมาก ผมมั่นใจ แม้เขาเป็นนักเจรจายากต่อรองมาก แต่เรารู้จักกันดี
ก่อนเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการ สี จิ้นผิง ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ โดยยอมรับว่าด้วยสภาพการณ์ของแต่ละชาติที่แตกต่างกัน สหรัฐฯ กับจีนจึงมีมุมมองแตกต่างกันไป และเป็นเรื่องปกติที่ 2 เศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกจะมีแรงเสียดทานบ้าง
แต่เราควรยึดมั่นในเส้นทางที่ถูกต้อง เพื่อให้เรือยักษ์ใหญ่ของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ล่องไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
สีกล่าว พร้อมชื่นชมวิสัยทัศน์ของทรัมป์ในการ "ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง" ว่าเข้ากันได้ดีกับการพัฒนาของจีน สียังย้ำซ้ำหลายครั้งว่าจีนและสหรัฐฯ ควรเป็นพันธมิตรและเพื่อนกัน ซึ่งเป็นบทเรียนจากประวัติศาสตร์และความต้องการของความเป็นจริง นอกจากนี้ สียังขอบคุณทรัมป์ที่ "มีส่วนช่วยอย่างมาก" ในข้อตกลงหยุดยิงที่กาซาในช่วงเวลาที่ผ่านมา และการเป็นพยานในข้อตกลงร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ของทรัมป์ในฐานะผู้สร้างสันติภาพ
ทางด้านทรัมป์ ก็ให้การยกย่องสี โดยเรียกเขาว่า "เพื่อนเก่า" ขณะนั่งตรงข้ามกันที่โต๊ะประชุม ซึ่งตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวและน้ำเงินพร้อมธงชาติทั้งสอง ทรัมป์บรรยายสีว่า "มีเกียรติและได้รับความเคารพ" และเป็น "ผู้นำยิ่งใหญ่ของประเทศ" เมื่อถูกถามว่าคาดจะเซ็นข้อตกลงการค้าหรือไม่ ทรัมป์ตอบสั้น ๆ ว่า "อาจจะ" และย้ำถึงความเข้าใจที่ดีและความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมเสมอมาก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยเรียกสีว่า "เพื่อน" แต่ก็ยอมรับว่าเป็นคนที่ต่อรองยากเป็นอย่างยิ่ง และในบทสนทนาที่หลุดออกมาเมื่อวันอังคาร ทรัมป์บอกผู้นำโลกว่าคาดว่าการประชุมครั้งนี้จะยาวนาน 3-4 ชั่วโมง
สำหรับทีมเจรจาของสหรัฐฯ ที่ร่วมกับทรัมป์ ได้แก่ สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮาวเวิร์ด ลัทนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ ซูซี ไวล์ส หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว และเจมีสัน กรีร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ซึ่งนั่งล้อมโต๊ะประชุมขนาดเล็ก การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก 2 ผู้นำเคยพบกันหลายครั้งในอดีต เช่น ที่ G20 โอซากะ ญี่ปุ่น ปี 2562 ซึ่งช่วยรีสตาร์ทการเจรจาการค้าหลังหยุดชะงัก
หรือการเยือนจีนของทรัมป์ปี 2560 ที่เขาเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่ทานอาหารค่ำอย่างเป็นทางการในพระราชวังต้องห้าม ทรัมป์เคยทวีตขอบคุณสีสำหรับ "ช่วงบ่ายและค่ำที่ลืมไม่ลง" และยกย่อง "เคมีที่เข้ากันดี" หรือการพบครั้งแรกที่ Mar-a-Lago ปีเดียวกัน ที่ทรัมป์บอกสีระหว่างกินเค้กช็อกโกแลตว่า เพิ่งอนุมัติโจมตีทางอากาศซีเรีย แม้ทรัมป์จะหาเสียงด้วยนโยบายแข็งกร้าวต่อจีน แต่ช่วงแรกของสมัยแรกยังมีทูตการทูตที่อบอุ่น ทรัมป์เคยชมสีซ้ำ ๆ ว่าเคารพ "กำปั้นเหล็ก" ของเขา
ในด้านเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นจีนแสดงความหวังดีต่อการประชุมนี้ โดยดัชนี Shanghai Composite พุ่งทะลุ 4,000 จุดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015 เมื่อต้นสัปดาห์ และปิดที่ 4,016 จุดเมื่อวันพุธ โดยนักลงทุนจับตาการประชุมในเช้าวันนี้ (30 ต.ค.) ซึ่งต่อเนื่องจากกรอบข้อตกลงเบื้องต้นจากการเจรจาที่มาเลเซียสุดสัปดาห์ก่อน ดัชนี Shanghai เติบโตราวร้อยละ 20 ในปีนี้ จากบูมหุ้น AI ของจีนที่ขับเคลื่อนโดยความสำเร็จของสตาร์ตอัป DeepSeek การประชุมครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นเวทีแก้ไขความขัดแย้ง แต่ยังเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว
อ่านข่าวอื่น :
จับผู้ค้า "รับแลกเงินสด" คนละครึ่งพลัส ปชช.เสี่ยงผิดร่วมฉ้อโกง
19 ปีโครงการกำลังใจ "เจ้าฟ้านักกฎหมาย" ผู้พลิกโฉมงานราชทัณฑ์