วันนี้ (5 พ.ย.2568) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า อำนาจการยุบสภา เป็นอำนาจเฉพาะของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หลังนายกฯ ออกมายอมรับว่าอาจยุบสภาเร็วขึ้นก่อนไทม์ไลน์ตาม MOA วันที่ 31 ม.ค.2569 หากมีปัจจัยใดทางการเมืองหรือมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
แต่นายวิโรจน์คาดหวังว่าจะยุบสภาหลังจากที่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ผ่านรัฐสภาวาระที่ 3 หากพรรคภูมิใจไทยเห็นปัญหาแบบที่พรรคประชาชน และประชาชนทั่วไปจำนวนไม่น้อย เห็นว่ารัฐธรรมนูญเป็นโซ่ตรวจฉุดประเทศ แต่หากไม่ทันก็ว่ากันในสมัยรัฐสภาชุดหน้า เพราะถือว่าได้ทำเต็มที่และพยายามแล้ว ซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในรากฐานในการผลักดันเศรษฐกิจและสังคมของชาติ
พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีปัญหา โดยหยิบยกกรณีนิติสงครามทางการเมืองล่าสุดที่ทำให้นายกรัฐมนตรี 2 คนต้องพ้นจากตำแหน่ง ทำให้ไม่สามารถบริหารประเทศให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้มาชี้ให้เห็น
ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาชน นายวิโรจน์ ได้แสดงความพร้อมในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากมีประเด็นหรือมีเรื่องที่หนักหนาเป็นเหตุผลในการยื่นซักฟอก เพราะการยื่นของฝ่ายค้านไม่ได้มีการกำหนดไว้ในข้อตกลง MOA ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย
นายวิโรจน์ ระบุอีกว่า พร้อมที่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการยื่นญัตติและพร้อมคุย ซึ่งพรรคประชาชนไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่เน้นย้ำว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องยึดกับเนื้อหาสาระถึงความผิดฉกรรจ์ของรัฐบาล แต่จะไม่ใช้เวทีซักฟอกเป็นเกมทางการเมือง หรือเป็นช่องทางระบายความแค้นส่วนตัวของใคร
อ่านข่าว
นายกฯ ยันยุบสภาฯ ตาม MOA 31 ม.ค. รับขอให้ "วรภัค" ลาออกหลังถูกข้อครหา
"รังสิมันต์" ยัน ปชน.ไม่เคยสั่งให้นำเงินผู้ช่วย สส. จ่ายค่าสมาชิกพรรค











