ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"กว่างซี" ประตูเชื่อมจีน-อาเซียน ไทยคู่ค้าอันดับ 2 โอกาสสินค้าสู่ตลาดโลก

สังคม
20:44
113
"กว่างซี" ประตูเชื่อมจีน-อาเซียน ไทยคู่ค้าอันดับ 2 โอกาสสินค้าสู่ตลาดโลก
เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของจีน ประตูเชื่อมจีน-อาเซียน จุดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ส่งออกทุเรียนผ่านด่านโหย่วอี้กวาน 220 ตู้คอนเทนเนอร์/วัน นับเป็นโอกาสสินค้าไทยสู่ตลาดโลก

เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีพรมแดนติดกับประเทศเวียดนาม (จังหวัดห่าซาง กาวบั่ง หลั่งเซิน และกว๋างนิญ) และอ่าวตังเกี๋ย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 237,600 ตารางกิโลเมตร แบ่งเขตการปกครองออกเป็นเขตการปกครองระดับจังหวัด 14 แห่ง มีพื้นที่ 237,600 ตร.กม. ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของจีน มีประชากรรวม 56.9 ล้านคน (อันดับ 11 ของจีน) เดิมกว่างซีมีสถานะเป็นมณฑล ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเขตปกครองตนเองเมื่อปี ค.ศ.1958 โดยมีนครหนานหนิงเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการบริหาร

ด้วยทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อันโดดเด่น เชื่อมโยงระหว่างจีนกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กว่างซีจึงมีบทบาทสำคัญในฐานะ "ประตูสู่ภูมิภาคอาเซียน" ของจีน เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างสองภูมิภาค โดยเฉพาะนครหนานหนิงซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการติดต่อ ความร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และสังคมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างใกล้ชิด

ในโอกาสที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯแห่งประเทศ นำคณะสื่อมวลชนไทยโครงการ "มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้" ครั้งที่ 7 ศึกษาดูงานนครหนานหนิง ประเทศจีนระหว่างวันที่ 26 - 30 ต.ค. ได้เข้าคารวะ น.ส.เบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่แห่งราชอาณาจักรไทย ประจำนครหนานหนิง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทและศักยภาพของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ซึ่งมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ การลงทุน และยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค ในฐานะ "ประตูการค้า" ระหว่าง จีนกับอาเซียน ภายใต้ยุทธศาสตร์ระเบียงการขนส่งเชื่อมทางบกและทางทะเลแห่งภาคตะวันตก หรือ NWLSC (New Western Land and Sea Corridor) ที่มีส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าระหว่าง จีน อาเซียน เอเชียกลาง และยุโรป

เบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่แห่งราชอาณาจักรไทย ประจำนครหนานหนิง

เบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่แห่งราชอาณาจักรไทย ประจำนครหนานหนิง

เบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่แห่งราชอาณาจักรไทย ประจำนครหนานหนิง

น.ส.เบญจมาศ กล่าวว่า กว่างซีไม่ได้เป็นเพียงตลาด แต่เป็นประตูสำคัญของสินค้าไทย ในการเข้าสู่ตลาดจีนตอนใน ไปจนถึงเอเชียกลางและยุโรป โดยระบบคมนาคมและโลจิสติกส์ของกว่างซีในปัจจุบันเชื่อมโยงกับไทยได้หลายเส้นทาง ทั้งทางบก ทางรถไฟ ทางอากาศ และทางทะเล ซึ่งช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนการขนส่งสินค้าไทย

ด่านโหย่วอี้กวาน

ด่านโหย่วอี้กวาน

ด่านโหย่วอี้กวาน

ทุเรียนไทยผ่านด่านโหย่วอี้กวานได้ถึง 220 ตู้คอนเทนเนอร์/วัน

ปัจจุบันการขนส่งสินค้าทางบกจากไทยไปถึงกว่างซีใช้เวลาเพียง 2 วัน ทำให้สามารถรักษาคุณภาพความสดของผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่ส่งออกไปยังจีน เส้นทางการค้าหลักจากไทยสู่กว่างซีประกอบด้วย

1.ด่านทางถนนตั้งแต่ด่านโหย่วอี้กวาน ด่านตงซิง ด่านหลงปัง ด่านสุยโข่ว
2.ด่านทางรถไฟ คือ ด่านรถไฟผิงเสียง
3.ด่านทางสนามบิน เช่น ด่านสนามบินหนานหนิง ด่านสนามบินกุ้ยหลิน และด่านทางทะเล คือ ด่านท่าเรือชินโจว ด่านท่าเรือฝางเฉิงก่าง

โดยเฉพาะ ด่านโหย่วอี้กวาน (Youyiguan Border / 友谊关口岸) ซึ่งเป็นด่านที่ใหญ่ที่สุด มีศักยภาพรองรับตู้คอนเทนเนอร์ทุเรียนได้ถึง 220 ตู้ต่อวัน และอยู่ระหว่างการพัฒนาเป็น Smart Port ที่ใช้รถบรรทุกไร้คนขับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง ซึ่งทุเรียนไทยออกจากนครพนม ผ่านลาว เข้าเวียดนามฮานอย เข้าสู่กว่างซี ฤดูผลไม้ที่ผ่านมามีทุเรียน 220 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อวัน ผ่านด่าน โหย่วอี้กวาน ไม่รวมกับด่านอื่นๆ

ส่วนด่านทางบกอื่นๆ ด่านตรงซิง (Dong xing), ด่านหลงปัง (Longbang) และด่านสุ่ยโข่ว (Shuikou) ซึ่งเพิ่งเปิดรับทุเรียนไทยได้ทางราง โดยมีด่านรถไฟผิงเสียง (Pingxiang) อยู่ใกล้กับด่านโหย่วอี้กวาน สินค้าจะถูกขนส่งทางรถยนต์ไปเวียดนาม จากนั้นจะยกตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นบนรถไฟ เพื่อเข้าจีนที่ผิงเสียง ซึ่งช่วยลดความแออัดที่ด่านทางบกได้

ไทยคู่ค้าอันดับ 2 ของกว่างซี 

น.ส.เบญจมาศ ยังระบุว่าจากข้อมูลการค้าไทย–กว่างซีในเดือน ม.ค.2568 มีมูลค่ารวมกว่า 26,779 ล้านหยวน โดยไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของกว่างซี รองจากเวียดนาม การส่งออกจากกว่างซีไปไทยเพิ่มขึ้น 13.35% มูลค่า 19,953 ล้านหยวน ขณะที่การนำเข้าจากไทยอยู่ที่ 6,825 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10.12% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้า 13,128 ล้านหยวน

สินค้าหลักที่ไทยส่งออก ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ (HDD), ทุเรียน มังคุด ลำไยสด มันสำปะหลัง และน้ำยางพารา ขณะที่สินค้าส่งออกจากกว่างซีมายังไทย ได้แก่ สมาร์ทโฟน อะไหล่เครื่องจักร และฮาร์ดดิสก์ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์

ด้านการลงทุนของไทยมีบริษัทใหญ่ของไทยเข้ามาลงทุนหลายแห่ง เช่น SCG กระทิงแดง มิตรผล และ ธนาคารกรุงเทพ (กำลังจะเปิดสาขาที่ 2) เนื่องจากกว่างซีเป็นแหล่งปลูกอ้อยที่ใหญ่ที่สุดในจีน มิตรผลได้นำนวัตกรรมมาใช้และดำเนินธุรกิจแบบ "Green Economy" โดยนำชานอ้อยไปทำไฟฟ้า และวัสดุทำถนน (คล้ายยางมะตอย)

ทั้งนี้คนกว่างซีชื่นชอบความเป็นไทย ทั้งอาหาร มวยไทย รวมถึงอัธยาศัยของคนไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ไทยในยังมีโอกาสในตลาดกว่างซี

ด้านการศึกษา ในกว่างซีมี ถึง 38 สถาบันที่เปิดสอนภาษาไทย และมีคนไทยประมาณ 2,000 คน โดย 1,500 คนเป็นนักเรียน นักศึกษาที่เข้ามาแลกเปลี่ยน

น.ส.เบญจมาศ กล่าวถึง บทบาทของสถานกงสุลฯ และทีมประเทศไทย ทั้งพาณิชย์, เกษตร, BOI, ททท.ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตูการค้า และอำนวยความสะดวกให้สินค้าไทย โดยเฉพาะผลไม้ให้เข้ามาได้สะดวกขึ้น รวมถึงประสานงานเตรียมความพร้อมรับฤดูกาลผลไม้ กว่างซียังมีเวทีการแลกเปลี่ยนสินค้าสำคัญ คือ China-ASEAN Expo (CAEXPO) ซึ่งเป็นเวทีที่ไทยเข้าร่วมทุกปี (ปีล่าสุด 120 บูธ)

สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 15 ที่จะเริ่มใช้ในปีหน้า ซึ่งยังเน้นเรื่องการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูง ได้ประโยชน์กับต่างประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย ประเทศไทยจึงยกต้องยกระดับเศรษฐกิจด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีนวัตกรรมองค์ความรู้ต่างๆ ซึ่งจีนพร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งจะเกิดความร่วมมือกันอย่างไรเพื่อ ให้ยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศไปด้วยกัน

ฝากให้สื่อมวลชนไทยทำหน้าที่เป็น "สะพานเชื่อมโยง" ช่วยสื่อสารให้คนไทยเห็นโอกาส และต้อง "รู้เขา รู้เรา" เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการศึกษาในอนาคต

กว่างซีเดินหน้าขยายความร่วมมือรอบด้านกับไทย-อาเซียน

นอกจากนี้คณะสื่อมวลชนโครงการ "มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้" ครั้งที่ 7 ยังได้เข้าคารวะกับ นายซ่ง ไฮวจวิน (SONG HAIJUN) รองผู้อำนวยการกิจการต่างประเทศกว่างซี

เปิดเผยว่า การค้าต่างประเทศของกว่างซีมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมีอาเซียนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด และมีมูลค่าการค้าชายแดนและการซื้อขายแลกเปลี่ยนด้วยเงินหยวนสูงที่สุดในจีนตอนใต้ ขณะเดียวกัน กว่างซียังประสบความสำเร็จในการพัฒนาด้านพลังงานสะอาด การจัดสรรสวัสดิการ การศึกษา และบริการสาธารณสุขให้แก่ประชาชนอย่างเท่าเทียม

ซ่ง ไฮวจวิน (SONG HAIJUN) รองผู้อำนวยการกิจการต่างประเทศกว่างซี

ซ่ง ไฮวจวิน (SONG HAIJUN) รองผู้อำนวยการกิจการต่างประเทศกว่างซี

ซ่ง ไฮวจวิน (SONG HAIJUN) รองผู้อำนวยการกิจการต่างประเทศกว่างซี

สำหรับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกว่างซีกับประเทศไทย นายซ่งระบุว่า นอกจากการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยแล้ว ยังมีการนำเข้าเศษอะลูมิเนียม และ เศษทองแดง เพื่อใช้ในธุรกิจรีไซเคิล รวมถึงความร่วมมือด้านการลงทุนและการขยายการค้าระหว่างกัน โดยกว่างซีมีความต้องการส่งออกสินค้าไปยังไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันความร่วมมือในหลายมิติ เช่น การศึกษา การท่องเที่ยว สื่อบันเทิง และการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ รวมถึงการสร้างฐานการผลิตในไทย การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต และการเชื่อมต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมร่วมกัน

กิจการต่างประเทศกว่างซี

กิจการต่างประเทศกว่างซี

กิจการต่างประเทศกว่างซี

นอกจากนี้ กว่างซียังสนับสนุนให้วิสาหกิจของตนเข้าไปพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรและโครงสร้างพื้นฐานในไทย ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โลจิสติกส์ และการสื่อสารระหว่างสื่อมวลชนทั้งสองฝ่าย การจับคู่ 10 เมืองแฝดระหว่างกว่างซีและไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ จ.ขอนแก่น ที่มีความสัมพันธ์กับกว่างซีมายาวนานกว่า 33 ปี

ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค.2568 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมคณะทำงานร่วมกว่างซี-ไทย ครั้งที่ 5 ณ นครหนานหนิง เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชุมชน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ไทย-กว่างซีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ

อ่านข่าว :

"คลองผิงลู่" ทางลัดสู่ทะเลในกว่างซี ประตูโอกาสสินค้าจีน-อาเซียน

"อ่าวเป่ยปู้" ท่าเรืออัจฉริยะศูนย์กลางโลจิสติกส์การค้าทางบก-ทะเล เชื่อมจีนกับอาเซียน

หนานหนิงศูนย์กลาง AI สะพานเทคโนโลยีจีน-อาเซียนสู่อนาคตดิจิทัล