นับจากเจรจาสันติภาพ “หยุดยิง” ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.2568 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (10 พ.ย.2568) มีทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บเพิ่มอีก 2 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทางพื้นที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้ จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ สังกัดกองพันกรมทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 16 ข้อเท้าขวาขาด ขณะที่พลทหารวชิระ พันธนา กองพันกรมทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 16 อาการแน่นหน้าอกจากแรงอัดการเสียขาถือเป็นรายที่ 7 ในรอบ 5 เดือน
พลันที่มีข่าวออกมาจากพื้นที่ว่าทหารไทยเหยียบกับระเบิด โลกโซเชียลก็ระบุขึ้นมาอีกรอบ รถทัวร์โซเชียลลงกระหน่ำทั้ง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ณัฐพล นาควานิชย์ รมว.กลาโหม หลังสั่งให้ทำหนังสือประท้วง ก่อนจะเปิดไฟเขียวระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะ 4 เงื่อนไขที่เคยตกลงไว้ คือ การถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและการบริหารจัดการชายแดนร่วมกัน
ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า เขมรยังคงเป็นปฏิปักษ์และภัยความต่อความมั่นคงของไทย ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว. กลา โหม ระบุว่า ให้เลื่อนการส่งตัวทหารเขมร 18 คนออกไปก่อนโดยไม่มีกำหนด
หนึ่งใน 4 เงื่อนไขของ “สันติภาพ” คือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามอนุสัญญาออตตาวา หรืออนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ค.ศ. 1997 หรือ อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขจัดทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
และปัจจุบันมีประเทศมากกว่า 165 ประเทศทั่วโลกที่เป็นภาคีของอนุสัญญาออตตาวา โดยไทยและกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมลงนาม โดยอนุสัญญาดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับกับไทยเมื่อปี 1999 และกัมพูชาในปี 2000 วัตถุประสงค์เพื่อยุติความทุกข์ทรมานและการสูญเสียชีวิตจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยลงนามเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 ให้สัตยาบันวันที่ 27 พฤศจิกายน 2541 และมีผลบังคับใช้ วันที่ 1 มีนาคม 2542
แต่เหตุการณ์ที่ทหารไทยต้องเสียขาที่ 7 จากระเบิดทุ่นสังหารดังกล่าวที่ชายแดนไทย-กัมพูชาในวันนี้ทำให้ต้องตั้งคำถามกลับว่า “สันติภาพ” ไม่มีอยู่จริงหรือไม่
มีรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นของใหม่ โดยพล.อ.ณัฐพล กำชับให้ตรวจสอบอย่างละเอียด
“สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ความเป็นปฏิปักษ์ต่อภัยความมั่นคงชาติที่เราคิดว่าจะลดลงไป มันไม่ได้ลด เมื่อไม่ได้ลด เราก็ดำเนินการอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่ได้ทุกอย่างต้องหยุด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่คอมเม้นท์ในเพจกองทัพบกทันกระแสและเพจจองกองทัพภาคที่ 2 ร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง เช่น
ประท้วงให้ถึงที่สุดครับ เอาให้กระดาษหมดโรงงานไปเลย /พอมั๊ยกระดาษ เดี๋ยวบริจาคสัก 2 รีม เผื่อรอบหน้า / ปลูกยูคาลิปตัสรอเลย /เครื่องถ่ายเอกสารพร้อม ทำได้ถนัดมาก ประท้วง และน่าจะถือโอกาสนี้เข้ายึดคืยปราสาทตาควายและปราสาทตาคนา เพราะถือว่าเขมรได้ฉีกสัญญาสันติภาพแล้ว
ยังไม่มีรายงานจากพื้นที่ว่า นอกจากการส่งหนังสือประท้วงและส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับประเภทและที่มาของวัตถุระเบิดแล้ว ทางกองทัพภาคที่ 2 โดยเฉพาะพล.ท.วีรยุทธ รักศิลป์ แม่ทันภาคที่ 2 จะแก้ไขจัดการปัญหาดังกล่าวอย่างไร และในวันที่ 11 พ.ย.นี้ นายอนุทิน นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ จ.ศรีษะเกษ
ความเป็นปรปักษ์จากทุ่นระเบิดสังหาร PMN-2 ฝั่งกัมพูชา ยังไม่เคลียร์ ก็ยังหา“สายปริศนา”ที่สั่งการตรงผ่านมือถือ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ปรึกษาพล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. เมื่อครั้งยังเป็นแม่ทัพบัญชาการรบอยู่ในพื้นที่ก็ถูกผู้คนในสังคม ทั้งภาคการเมืองและภาคประชาชนตามหาตัวกันให้ควั่ก ว่าใครเป็น “เจ้าของเสียง” และ “คำสั่ง” ขอให้หยุดยิงในการปะทะวันแรก ระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 6 ชั่วโมง
พล.ท.บุญสิน อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยข้อมูลช่วงหนึ่งระหว่างการบรรยายพิเศษโครงการกิจกรรม “เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ ข่าวไทสานต่อความดี : รับมอบรางวัลเชิดชูเกียรติอันทรงเกียรติ”ที่พุทธสถานปฐมอโศก อ.เมือง จ.นครปฐม ท่ามกลางกลุ่มญาติธรรมว่า
“หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2568 ผ่านไปเพียง 6 ชั่วแรก วันแรกที่ปะทะเขาขอร้องให้หยุด ...แต่ผมขอไม่หยุด เพราะผมสตาร์ทแล้ว ผมขอร้องผู้บังคับบัญชาว่า ผมขอต่อรองไปหลายวัน บวก ลบ คูณ หาร เอาเท่านี้ได้ไหม ผมบอกไม่ได้ ต้องไปต่อ ผมเข้าเกียร์ 1 แล้ว”
..ส่วนคนที่สั่งให้หยุด เขาก็ไปตั้งหลักใหม่ ก็แค่นั้น ถ้าหยุด ผมต้องออกมาพูดว่า ใครสั่งให้หยุด แล้วเขาจะอยู่ไม่ได้ เพราะผมจะเอาแผ่นดินคืน แล้วคุณสั่งให้หยุด นั่นคือ โทษประหารเลยทีเดียว
ได้เคยถามหรือไม่ว่า ทำไมต้องสั่งให้หยุดในวันที่เราต้องตะลุมบอน
“ผมคิดว่าเป็นแผนเขมร ผมว่าเขมรเขาเคยทำแบบนี้แล้ว เข้าทางเขาเพราะต้องการเอาเรื่องนี้ขึ้นศาลโลกเสร็จ ประเทศไทยบุกเขา เขาขอประท้วงเอาแผ่นดินคืน สามปราสาทกับหนึ่งพื้นที่ นี่สูตรของเขา เราก็ไปรู้แผนเขาเลยต้องเอาคืนแผ่นดินเรา
“หากมองในแง่ดีที่เขาสั่งให้หยุด ผู้ใหญ่บ้านเราอาจกลัวสูญเสีย เสียชีวิต อย่ารบกันเลย พอแล้ว แค่ผมคิดต่างต้องการเอาแผ่นดินคืน เพราะเขาเข้ามาอยู่นานแล้ว เช่น ภูมะเขือ และอยากปิดตาเมือนธมให้เด็ดขาด ไม่ต้องขึ้นมาอีก และตาควาย ผมก็คิดเหมือนกัน”
“..แต่วันนั้นเราโยกกำลังมาที่ภูมะเขือก่อน เพราะภูมะเขือสวยงามมาก เลยวางแผนกับทหารอากาศเอาคืนตรงนั้น พอจะโยกกลับมาที่ตาควาย หมดเวลาก่อน ต้องนี้ทหารยังปะจันกันอยู่ที่ตาควาย หากมีไฟเขียวสั่งก็พร้อม ขอให้สั่ง ...วันนี้ที่เราต้องหยุดเพราะมีการประชุม UN เรากลัวว่าเขาจะเอาเรื่องหล่านี้ กล่าวหาว่า เราไปรังแกประเทศเล็กและนานาประเทศอาจรุมตำหนิเราว่าไปรังแก เขาทำไม” พล.ท.บุญสิน กล่าว
เพียงข้ามคืนที่มีคลิปบรรยายพิเศษเผยแพร่ ปฏิบัติการตามหาตัวต้นเสียงปริศนาก็เกิดขึ้น เมื่อ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โพสต์ข้อความบนหน้าเพจเฟซบุ๊กว่า คนที่จะสั่งแม่ทัพกุ้งให้หยุดยิง 6 ชั่วโมงแรก คือ 1.เป็นผู้บังคับบัญชาอำนาจเหนือกว่า 2. เรียกแม่ทัพกุ้งว่า “น้อง” เท่ากับ ไม่ใช่ผบ.ทบ. และ 3. ไม่ใช่บิ๊กเล็ก
ขณะที่นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก และติดเฮชเทค #ภูมิธรรมต้องออกมาชี้แจง
โดยระบุว่า เรื่องที่มีการขอให้แม่ทัพกุ้งหยุดยิง ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องเด็กต่อยกัน แล้วมีผู้ใหญ่มาขอให้หยุด แต่การรบกับเขมรนั้นเป็นเรื่องของอธิปไตยเรื่องดินแดนเป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ จะปล่อยให้ใครเข้ามาแทรกแซงไม่ได้
อย่างน้อยท่านที่ปรึกษาของพลเอกณัฐพล ซึ่งท่านเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ท่านก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า ท่านไม่เกี่ยว ไม่เคยโทรไปหาแม่ทัพกุ้ง
ยังมีอีกคนหนึ่งคือ นายภูมิธรรม เวชชัย ซึ่งท่านคือผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนี้น ท่านจะปล่อยแบบนี้ไม่ได้ ขอเรียกร้องให้ท่านออกมาชี้แจงกับประชาชน
นพ.วรงค์ ระบุว่า เราไม่ได้กล่าวหาท่าน เพียงแต่เรียกร้องให้ท่าน ออกมาชี้แจงว่าอะไรเป็นอะไรในฐานะผู้มีอำนาจและสังคมประชาธิปไตยต้องการความโปร่งใส
สำหรับเรื่องดังกล่าว ทั้งพล.อ.ณัฐพล ในฐานะรมช.กลาโหม ในขณะนั้นออก มาปฎิเสธว่า วันที่ 24 ก.ค.2568 ไม่เคยสั่งการหรือขอร้องใดๆกับอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และขอให้กลับไปถามอดีตแม่ทัพภาคที่2
เช่นเดียวกับ นายอนุทิน รมว.มหาดไทย ในขณะนั้น ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้อง
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาพันตู ดังนั้นต้องตามติดว่า จากนี้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะกลับมาเดือดรอบ 2 อีกหรือไม่ เมื่อกัมพูชา ยังเมินเฉยเงื่อนไขสันติภาพและยังคงมีทหารไทยเสียจากระเบิดทุ่นสังหารเพิ่มอีก
อ่านข่าว
แจ้งเกิด “พล.อ.รังษี” ดาวรุ่งการเมืองคนใหม่ “สงครามไทย-กัมพูชา”
"ไทย-กัมพูชา" สงบศึก ปักหมุดหลักเขตชั่วคราว "พื้นที่อ้างสิทธิ"
แท็กที่เกี่ยวข้อง:











