วันนี้ (8 ธ.ค.2568) น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รมช.คมนาคม กล่าวว่า จากสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น จึงได้สั่งการกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลสัมภาระ และยานพาหนะที่เข้า-ออกพื้นที่ ตลอดจนจัดกำลังเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ในการรักษาความปลอดภัยให้พร้อมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะท่าอากาศยานบุรีรัมย์ให้ปรับเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังด้านการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ให้เร่งประสานการข่าวกับหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ในการติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการและประชาชนในพื้นที่ รวมถึงกำชับให้ท่าอากาศยานอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนในทุกด้าน
ด้านนายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวว่า ท่าอากาศยานในสังกัด ทย.ทุกแห่ง มีความพร้อมสูงสุดในการเตรียมพร้อมรับเหตุฉุกเฉินตามแผนเผชิญเหตุ และแผนฉุกเฉินของสนามบิน ตลอด 24 ชม. นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อติดตามและเตรียมความพร้อมรองรับสาธารณภัยและภัยความมั่นคง กรมท่าอากาศยาน เพื่อติดตามสถานการณ์และรายงานข้อมูล ประสานงานระหว่างศูนย์ปฏิบัติการย่อยของแต่ละท่าอากาศยาน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวัง และรายงานข้อมูลต่อกระทรวงคมนาคม
ขณะนี้ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยมีความพร้อมทั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวก และเจ้าหน้าที่สำหรับให้บริการประชาชน ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่จะเดินทางมายังท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ขอให้เผื่อเวลาในการเดินทางมายังท่าอากาศยาน หากผู้โดยสารต้องการสอบถามรายละเอียดการเดินทาง สามารถติดต่อได้ที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ หมายเลขโทรศัพท์ 044-666334
ด้านสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการประสานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในการกำหนดพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง (Conflict Zone) เพื่อแจ้งแก่ผู้ทำการบิน ทั้งสายการบินพาณิชย์และผู้ทำการบินทั่วไปให้รับทราบและวางแผนเส้นทางการบินหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ CAAT ได้ประสานบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการการจราจรทางอากาศ ให้จัดระบบการเฝ้าติดตามและบริหารจัดการห้วงอากาศ เพื่อให้มั่นใจว่าอากาศยานทุกลำจะไม่เข้าสู่บริเวณที่อาจเกิดความไม่ปลอดภัย พร้อมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติการบินให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและปลอดภัยสูงสุด และจากการบริหารจัดการห้วงอากาศร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขณะนี้การเดินอากาศทั้งในประเทศและระหว่างประเทศของไทย ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ เส้นทางบินเข้า–ออกประเทศไทย ยังให้บริการได้ครบทุกเส้นทาง โดยไม่มีการปิดน่านฟ้าหรือจำกัดการปฏิบัติการบินในภาพรวมของประเทศ
CAAT ขอแนะนำให้ผู้โดยสารที่มีแผนการเดินทางในช่วงนี้ ติดตามข้อมูลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีการปรับเปลี่ยนตารางบิน เนื่องจากการประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงเพิ่มเติม สายการบินจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ในกรณีเกิดความขัดข้อง เช่น การเลื่อนหรือเปลี่ยนเที่ยวบิน ขอให้ผู้โดยสารติดต่อสายการบินโดยตรงเพื่อรับทราบมาตรการเยียวยาหรือทางเลือกในการเดินทางที่เหมาะส
อ่านข่าว : นายกฯ แถลงไฟเขียวกองทัพปฏิบัติการทหารต่อกัมพูชา ย้ำไทยไม่ได้ริเริ่มรุกราน
พล.ต.วินธัย ย้ำปฏิบัติการทางอากาศที่ตั้งอาวุธ-ฐานโดรนกัมพูชา ยับยั้งโจมตีไทย
กัมพูชายิง BM21 ลงพื้นที่บ้านเรือน ปชช. - แจ้งปิด 3 รพ.ชายแดน











