วันนี้ (8 ธ.ค.2568) นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงจุดยืนในนามภาคเอกชนไทย ขอแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมีเหตุปะทะเกิดขึ้นเพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา โดยย้ำว่า ภาคเอกชนไม่ได้สนับสนุนให้เกิดความรุนแรง การเผชิญหน้า หรือสงครามในทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ประเทศไทยถูกละเมิดอธิปไตยและมีการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อตกลงระหว่างประเทศหลายครั้ง ประเทศไทยย่อมมีสิทธิและความจำเป็นในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนตามหลักสากล
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
หอการค้าไทยเห็นว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ จำเป็นต้องแยกแยะประเด็นด้าน ความมั่นคง ออกจาก ประเด็นทางเศรษฐกิจ อย่างชัดเจน โดยความมั่นคงของประเทศและชีวิตของประชาชนต้องมาก่อนเศรษฐกิจเป็นลำดับแรก แม้ภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจากการปิดด่านการค้าชายแดนที่ยืดเยื้อมากกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อการค้าชายแดน การลงทุน และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ภาคเอกชนเห็นว่าสถานการณ์ดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างเด็ดขาด ชัดเจน และยุติโดยเร็ว เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในเวทีนานาชาติ และทำให้ระบบเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง หอการค้าไทยจึงขอสนับสนุนรัฐบาลในการเร่งแก้ไขปัญหาให้จบโดยเร็วและโดยสิ้นเชิง รวมถึงการพิจารณามาตรการที่เหมาะสมและจำเป็น หากต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศอย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชนเห็นว่า การสื่อสารกับนานาชาติระหว่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ภาครัฐควรเร่งสื่อสาร ทำความเข้าใจ และชี้แจงอย่างเป็นระบบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมิได้เกิดจากประเทศไทยเป็นฝ่ายเริ่มต้น แต่เป็นผลจากการละเมิดข้อตกลงและอธิปไตยของไทย โดยฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ลดความคลาดเคลื่อน และรักษาภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก
หอการค้าไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลงโดยเร็ว นำไปสู่ความสงบเรียบร้อย สันติภาพ และความมั่นคงของประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยและประชาชนชาวไทยในระยะยาว
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการติดตามผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ว่าได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากเดิมมากน้อยแค่ไหน หลังจากเหตุการณ์ปะทะ หลังจากที่ไทยได้ปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชาไปเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ลดลงต่อเนื่องไปแล้ว 99.99%
สำหรับตัวเลขการค้าชายแดนไทยกัมพูชา 10 เดือนแรกของปี มีมูลค่า 95,554 ล้านบาท ติดลบ 36.68% ในจำนวนนี้ส่งออก 72,844 ล้านบาท ติดลบ 38.43% ส่วนการนำเข้า อยู่ที่ 22,710 ล้านบาท ติดลบ 30.32% เฉพาะเดือนตุลาคมเดือนเดียว มีมูลค่าอยู่ที่ 9 ล้านบาท ติดลบ 99.94% แยกเป็น ส่งออก 9 ล้านบาท ติดลบ 99.93% นำเข้า 320,000 บาท ติดลบ 99.99 %
ทั้งนี้ เบื้องต้นประเมินว่า เหตุการณ์ปะทะครั้งล่าสุดน่าจะไม่มีผลกระทบที่มากขึ้นกว่าเดิม ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญหลังจากนี้ คือ การดูแลผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจบริเวณแนวชายแดน เช่น มหกรรมท้องฟ้าในภาคอื่นๆ ขณะที่ การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ลงทุนในกัมพูชา ทางกระทรวงการคลังเตรียมที่จะออกมาตรการช่วยเหลือ เช่น สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง , การโอนย้ายเครื่องจักร เครื่องมือ โดยไม่เสียภาษี
อ่านข่าว:
กอ.รมน. ขอประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา ช่วงชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียด
"อนุทิน" บอกไม่มีการเจรจาแล้ว ยันปกป้องอธิปไตยไทย
พล.ต.วินธัย ย้ำปฏิบัติการทางอากาศที่ตั้งอาวุธ-ฐานโดรนกัมพูชา ยับยั้งโจมตีไทย











