ภาวะเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลด

 

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงานเชื่อว่า สถานการณ์ราคาพลังงานที่ปรับลดเวลานี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ค่อยดีนัก แต่หลังจากนี้ ราคาจะเริ่มทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย จนถึงปลายเดือนพฤษภาคม แต่ทั้งนี้ต้องติดตามผลการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับ 5 ชาติมหาอำนาจในวันที่ 23 พ.ค. นี้ อีกครั้ง

 

ขณะที่ นายแชมเซดดิน ฮอสไซนี รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอิหร่านกล่าวว่า การคว่ำบาตรของนานาชาติเพื่อกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์จะผลักดันให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น โดยราคาอาจแตะที่ระดับบาเรลละ 160 ดอลลาร์สหรัฐหากยุโรปเริ่มใช้มาตรการคว่ำบาตรในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้

 

ทั้งนี้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางทหารในอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีปริมาณน้ำมันสำรองมากที่สุดในโลก ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นถึง 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ก็ปรับลดลงร้อยละ 12 มาอยู่ที่ประมาณ 92.5 ดอลล่าร์ ในเดือนนี้ จากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก

 

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนี้ ราคาต่ำลงเป็นประวัติการณ์ โดยอยู่ที่ 94 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่รัฐบาล นายอภิสิทธ์ ราคา 103 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จึงน่าแปลกใจว่า ทำไมราคาน้ำมันดิบในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีราคาแพงกว่า แต่ราคาหน้าปั้มทั้งน้ำมันดีเซล , น้ำมันเบนชิน 95 หรือแก๊สโซฮอล์ กลับมีราคาถูกกว่ารัฐบาลชุดนี้ และได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จาก การที่น้ำมันดิบในตลาดโลกมีราคาถูกลงนั้น มี 2 ส่วนคือ ส่วนของประชาชน และส่วนของการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อเคลียร์หนี้ที่มีอยู่ แต่จากการติดตามพบว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันน้อยกว่ารัฐบาลที่แล้ว และผู้ที่ได้รับประโยชน์กับการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีราคาต่ำลง คือ บริษัทเอกชน 

ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ประกอบการรถโดยสารหลายประเภท เช่น รถสองแถว หรือรถเมล์ได้ปรับราคาค่าโดยสารขึ้นทั้งที่ราคาเชื้อเพลิงมีราคาที่ลดลง และมองว่าการที่รัฐบาลไม่กล้าแตะกลไกในเรื่องนี้ พร้่อมออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง แต่กลับไปแก้ปัญหาที่ปลายทาง คือการควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะอยู่เบื้องหลังในการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน