‘ทรัมป์ หรือ แฮร์ริส’ อีกไม่นานเกินรอ ผู้คนทั้งโลกจะได้ทราบกันว่า ใคร ? จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาคนใหม่
Thai PBS WORLD ร่วมกับสมาคมอเมริกาศึกษาในประเทศไทย จัดเสวนา โค้งสุดท้ายเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Run-up to US Presidential Election 2024) โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาสะท้อนแง่มุมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในมิติด้านเศรษฐกิจ ที่หากใครได้ขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อไทยอย่างไร เราสรุปแง่มุมที่น่าสนใจมาบอกกัน
1.ผลกระทบด้านการค้า : สงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น
สงครามด้านการค้าที่เคยเข้มข้น จะเข้มข้นมากขึ้นอีกหลายเท่า หลังการขึ้นดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐฯ โดย โดนัลด์ ทรัมป์ มีนโยบายที่ชัดเจนในการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เช่น การเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก ในอัตรา 10-20% และโดยเฉพาะกับจีน จะตั้งเพดานภาษีสูงถึง 60-100% จุดนี้อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ผลิตชิ้นส่วนให้กับจีนนำไปประกอบ
ในทางตรงกันข้าม หาก คามาลา แฮร์ริส ได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้ จะมีนโยบายขึ้นภาษีเฉพาะสินค้าบางส่วน เช่น รถไฟฟ้า และพลังงานสะอาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อไทยน้อยกว่า
2.ผลกระทบด้านการลงทุน : การย้ายฐานการผลิตเข้าสหรัฐฯ
ในมิติด้านการลงทุน หาก โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง คาดการณ์ว่าทรัมป์จะมีความพยายามดึงบริษัทข้ามชาติ ให้ย้ายฐานการผลิตกลับมาสู่สหรัฐฯ มากขึ้น โดยใช้มาตรการจูงใจ เช่น การลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งจุดนี้ ถือเป็นโอกาสให้ภาคธุรกิจไทย สามารถเข้าไปเปิดโรงงานในสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน คาดว่า คามาลา แฮร์ริส จะมีนโยบายขึ้นอัตราภาษีนิติบุคคล ซึ่งมีแนวโน้มให้ภาคธุรกิจย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐฯ มากขึ้น
3.ผลกระทบด้านเทคโนโลยี : การกีดกันเทคโนโลยีกับจีน
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนโลก นั่นคือ การพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นทรัมป์หรือแฮร์ริส หากใครก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไปของสหรัฐฯ จะมีนโยบายสำคัญทางเทคโนโลยีที่มีความคล้ายคลึงกัน นั่นคือ การจำกัดการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงให้กับจีน โดยวิเคราะห์กันว่า ในรายของทรัมป์ อาจมีนโยบายที่เข้มงวดมากกว่าของคามาลา โดยห้ามบริษัทสัญชาติอเมริกันไปลงทุน หรือทำธุรกิจกับจีนในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ซึ่งมาตรการเหล่านี้ จะส่งผลมาถึงมิติด้านเทคโนโลยีของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
4.ผลกระทบด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม
ในมิติด้านการพลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในโลกธุรกิจยุคนี้ การเดินหน้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ หรือ Net Zero ล้วนเป็นพันธกิจสำคัญของประเทศยักษ์ใหญ่ของโลก ทว่านโยบายในเรื่องนี้ของทั้งสองแคนดิเดตผู้นำสหรัฐฯ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
โดย คามาลา แฮร์ริส มุ่งเน้นการลงทุนและสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงให้การสนับสนุนการใช้พลังงานฟอสซิลต่อไป สำหรับมิติเรื่องเหล่านี้ มีผลกระทบต่อโครงสร้างการลงทุนด้านพลังงานสะอาดของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไมได้เช่นกัน
สุดท้าย ไม่ว่าจะเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ หรือ คามาลา แฮร์ริส การกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน เทคโนโลยี และพลังงาน-สิ่งแวดล้อม
ซึ่งอุตสาหกรรมไทยจะต้องปรับตัวอย่างมาก เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันอาจเป็นโอกาสที่ไทยจะสามารถขยายฐานการผลิตและการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้มากขึ้นในอนาคต
ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก งานเสวนา Run-up to US Presidential Election 2024 โดย Thai PBS WORLD ร่วมกับสมาคมอเมริกาศึกษาในประเทศไทย