กำลังเป็นกระแสไวรัลที่พูดถึงกันปากต่อปาก สำหรับมิวสิกวิดีโอเพลงดัง ที่หยิบเอาตัวละครจากภาพยนตร์ดังเมื่อ 20 ปีก่อนมานำเสนอ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ “คิดถึง” คนรัก เพื่อนสนิท กระทั่งคนที่เคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในอดีต แถมบางความทรงจำที่อบอวลไปด้วยกลิ่นไอแห่งความคิดถึง ยังทำให้รู้สึก “อิน” มากกว่าหลาย ๆ เรื่องราวในปัจจุบัน ทว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ?
Thai PBS ชวนมารู้จัก Reminiscence bump หรือการปะทุขึ้นของความทรงจำในอดีต ธรรมชาติของการทำงานของสมองที่ย้อนนึกถึงความทรงจำในอดีตและส่งผลต่อความรู้สึกในปัจจุบัน ที่หลายครั้งได้ถูกนำมาใช้กับคอนเทนต์มากมายที่สามารถสร้างกระแสที่โดนใจผู้คนมากมายในยุคปัจจุบัน
คิดถึงจากความทรงจำในช่วงเวลาที่ถูกจดจำที่สุดของสมอง
Reminiscence bump อาจพอเรียกได้ง่าย ๆ ว่าการระลึกถึงอดีต ปรากฏการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่มักจะมีช่วงเวลาที่ระลึกถึงอดีตในช่วงวัยหนุ่มสาว หรือช่วงอายุ 15 – 25 ปี โดยมีการศึกษาพบว่า คนวัยกลายคนและสูงอายุ มักจะเข้าถึงความทรงจำในช่วงวัยประมาณ 10 – 30 ปี ได้มากกว่า
การศึกษาด้านประสาทวิทยาเกี่ยวกับความทรงจำของมนุษย์หลายชิ้น โดยการศึกษาที่มุ่งศึกษาถึงระบบความทรงจำอัตชีวประวัติ” (autobiographical memories) ซึ่งเป็นระบบความทรงจำที่ประกอบด้วยเหตุการณ์ที่ระลึกได้จากชีวิตจริง ทำให้พบว่ามนุษย์จดจำช่วงเวลาใดของชีวิตได้มากน้อยแตกต่างกัน จนถูกมาพัฒนาขึ้นเป็นกราฟ Lifespan retrieval curve หรือกราฟแสดงความทรงจำและการหวนคิดถึงของมนุษย์ โดยแบ่งช่วงความทรงจำดังนี้
-Period of Childhood amnesia ช่วงความจำที่หล่นหายในวัยเด็ก อยู่ในช่วงวัยแรกเกิด – 10 ปี มีลักษณะที่ความทรงจำจะหายไปในวัยแรกเกิด เนื่องจากระบบความทรงจำอัตชีวประวัติยังทำงานไม่สมบูรณ์ โดยจะเริ่มจดจำบางอย่างได้ในช่วง 5 ขวบขึ้นไป ความทรงจำที่ระลึกยังตรงกับช่วงอายุ
-Reminiscence bump ช่วงการปะทุขึ้นของความทรงจำในอดีต จะอยู่ในช่วงอายุ 10 – 30 ปี โดยประมาณ ตรงกับช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น การทำงานของระบบความทรงจำอัตชีวประวัติ จะทำงานอย่างเสถียรและสมบูรณ์ การเก็บความทรงจำจะเข้มข้นที่สุดในช่วงอายุ 14 ปี สูงสุดในอายุ 20 ปี ก่อนจะลดลงเล็กน้อยถึงอายุ 25 ปี และลดลงจนถึง 30 ปี เรื่องเล่า ประสบการณ์ ความสัมพันธ์กับผู้คนและสิ่ง ๆ ในช่วงเวลานี้ ส่งผลต่อการพัฒนาอัตลักษณ์ของเราในหลากหลายมิติด้วยกัน ทั้งนี้สมองจะมีการทำงานในการทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ความจำส่วนนี้มีความแม่นยำ แข็งแกร่ง จำแล้วมักจำได้ไม่ลืมเลือน
-Period of Recency ช่วงการจดจำเฉพาะเรื่องล่าสุด อยู่ในช่วงอายุ 30 – 50 ปี โดยประมาณ เป็นช่วงเวลาที่จำจดเหตุการณ์ในปัจจุบันที่ผ่านมาไม่นานได้ดี แต่การจดจำเหตุการณ์ที่เก่ากว่านั้นจะเริ่มลดลง มีกลไกการลืมเกิดขึ้นเพื่อช่วยให้การทำงานของสมองในช่วงวัยนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่มีแนวโน้มที่อ่อนแอลง และเกิดการหลงลืมในช่วงอายุที่มากขึ้น แต่ยังคงจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตช่วงวัยหนุ่มสาว หรือ Reminiscence bump ได้
ทำไมจึงคิดถึง ? สมองทำงานอย่างไร ? ทำไมหัวใจไม่หยุดจำ ?
เมื่อเจาะเข้าไปในความคิดถึงของช่วงเวลาแห่งการปะทุของความทรงจำ Reminiscence bump การเติบโตของสมองในช่วงอายุ 10 – 30 ปี คือช่วงเวลาที่สมองโดยรวม (Overall Brain Function) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านการเรียนรู้ การจัดเก็บความทรงจำต่าง ๆ การจัดการเชื่อมโยงข้อมูลในสมองแล้วนำมาใช้ มาทบทวนนึกถึง ทำได้อย่างสมบูรณ์
สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ (Limbic System - โดยเฉพาะ Amygdala) เพิ่งจะมีการเติบโตอย่างเด่นชัดในช่วงวัยรุ่น ทำให้เหตุการณ์ที่สำคัญทางอารมณ์ เช่น การสำเร็จการศึกษา, การทำงาน, ความรัก, การแต่งงาน ประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต เมื่อทำงานร่วมกับสมองส่วนความจำ ยิ่งทำให้ความทรงจำในช่วงเวลานี้ ถูกจดจำและจัดเก็บไว้เป็นเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีสมองส่วนหน้า Prefrontal Cortex (PFC) ที่มีบทบาทในการรวบรวมและจัดระเบียบประสบการณ์ ก็ยังทำหน้าที่ต่อเนื่องในการทำให้ความทรงจำและประสบการณ์นั้น ๆ มาสั่งสม ทำให้เกิดอัตลักษณ์และความทรงจำส่วนบุคคลที่ส่งผลระยะยาว
เหล่านี้เองที่ทำให้รักครั้งเก่า เรื่องราวความสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์ในอดีต ความคิดถึงอันยาวนาน ไม่เคยลืมไปจากใจ หรือจากสมองของมนุษย์เรา แล้วปรากฏการณ์ Reminiscence bump ถูกใช้ประโยชน์อย่างไร ?
ความคิดถึงในถูกใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ?
ปรากฏการณ์ Reminiscence bump เกิดขึ้นเมื่อเราได้ฟังเพลงเก่า ๆ หนังที่เคยดู หนังสือที่เคยอ่าน เรื่องเล่าที่เชื่อมโยงไปในอดีต หลายสิ่งหลายอย่างถูกนำกลับมาโลดแล่นในปัจจุบันเมื่อข้ามผ่านวันเวลา ปรากฏการณ์ถวิลหาอดีต หรือ Nostalgia ถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการเกิด Reminiscence bump ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกบางอย่างในอดีตมากกว่าเรื่องราวสดใหม่ในปัจจุบันผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีชื่อเรียกกันว่า “Nostalgia maketing”
องค์ประกอบที่ทำให้ผู้คนเกิดการระลึกถึงความทรงจำในอดีต นักการตลาดวิเคราะห์ถึงกลุยทธ์การตลาดที่เกิดในปัจจุบันมีหลายปัจจัยด้วยกัน ต่อไปนี้คือบางปัจจัยที่นักการตลาดใช้ประโยชน์จากปรากฏการณ์นี้ในการเอาชนะใจผ่านความคิดถึงที่ไม่อาจลืมเลือน
อดีตอันน่าจดจำและเชื่อมโยงกับผู้คน แบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีอายุยาวนาน มีการย้อนนำสิ่งต่าง ๆ ในอดีตมาขายซ้ำ เช่น เพลงในอดีต ดีไซน์ย้อนยุค หรือแม้กระทั่งชื่อแบรนด์ที่อยู่มานาน นอกจากนี้ การรักษาสัมผัสต่าง ๆ ของแบรนด์ เช่น สีสัน รูปลักษณ์ สัมผัส กลิ่นอาย ของแบรนด์ให้มีความคงเดิมก็มีส่วนทำให้เกิดการจดจำนำไปสู่การรำลึกอดีตได้
ความรู้สึกและอารมณ์ร่วม การสื่อสารที่เน้นสร้างความรู้สึกร่วมผ่านรายละเอียดของความทรงจำ เน้นการสร้างความรู้สึกร่วมมากกว่ารายละเอียดของข้อมูล ทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อมโยงและรู้สึกดีกับแบรนด์มากขึ้น
การเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมที่ทำให้รู้สึกร่วม เช่น มีการเชื่อมโยงอ้างอิงผลงานกับภาพยนตร์ รายการทีวี เพลง รวมถึงเทรนด์ต่าง ๆ ในอดีต เช่น การแต่งกายแบบย้อนยุค เทปเพลง รถยุคเก่า ซึ่งช่วยทำให้ผู้คนมีประสบการณ์ร่วมกันในอดีต
ผลที่เกิดทำให้ผู้คนมีความรู้สึกร่วมได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดความผูกพันทั้งกับคอนเทนต์ที่นำเสนอ และช่วยสร้างความผูกพันธ์ที่ลึกซึ้งและยั่งยืนกับแบรนด์ในทางอ้อม
ปรากฏการณ์ “คิดถึง” คนรัก เพื่อนสนิท รวมถึงประสบการณ์ในอดีต หลายครั้งมีส่วนช่วยให้ชีวิตได้พักจากช่วงเวลาของปัจจุบัน เป็นความสุขที่ดูเรียบง่ายแต่ก็เป็นธรรมชาติหนึ่งของมนุษย์
อ้างอิง
- Pubmed Central
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- Understanding the reminiscence bump: A systematic review
- Journal of Adult Development