ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เบื้องหลังความรู้สึกอยากพิสูจน์ตัวเอง เมื่อจิตใจเรียกร้องการยอมรับ


Lifestyle

ชนัญชิดา ธนณรงค์

แชร์

เบื้องหลังความรู้สึกอยากพิสูจน์ตัวเอง เมื่อจิตใจเรียกร้องการยอมรับ

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2961

เบื้องหลังความรู้สึกอยากพิสูจน์ตัวเอง เมื่อจิตใจเรียกร้องการยอมรับ

 

ในห้วงเวลาที่โลกหมุนเร็ว และเสียงจากรอบด้านดังจนอาจกลบเสียงในใจตัวเอง มีเด็กสาวคนหนึ่ง ที่เลือกจะยืนหยัดด้วยหัวใจที่เชื่อมั่น เธอไม่ใช่แค่ศิลปินผู้เปล่งประกายในแสงไฟเวที หรือไอดอลในสายตาแฟนคลับนับหมื่น แต่คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่กล้าเชื่อว่า “ความเป็นตัวของตัวเอง” คือสิ่งล้ำค่าเกินจะต่อรอง

“อ๊ะอาย กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ” หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันดีในชื่อ “อ๊ะอาย 4EVE” ไม่เพียงแค่เป็นสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังผู้พาเสียงเพลงพุ่งทะยานติดเทรนด์ แต่ยังเป็นนักแสดงมากฝีมือ และที่สำคัญเป็นวัยรุ่นเจนซีที่มีทัศนคติเปล่งประกายเกินวัย

อ๊ะอาย กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ

วง 4 EVE

วันนี้...เธอมานั่งอยู่บนโซฟาสีส้มของรายการ Made My Day วันนี้ดีที่สุด พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานที่ละลายใจ แต่ใครจะรู้ว่า เบื้องหลังแววตาสดใสนั้น ซ่อนพลังเงียบ ๆ ของคนที่เคยผ่านดราม่ารุนแรงเกินอายุและเลือกตอบสนองมันด้วยการเติบโต ไม่ใช่การโต้ตอบ

ในวันที่โลกบอกให้เธอพิสูจน์ตัวเอง เธอกลับเลือกจะนิ่ง และบอกตัวเองว่าไม่จำเป็นเลย หากเราไม่ได้ทำอะไรผิดตั้งแต่แรก

อ๊ะอายไม่ได้มอบแค่พลังบวกให้กับคนดูเท่านั้น แต่เธอยังยืนยันให้เราระลึกว่า บางครั้ง การไม่อธิบายอะไรเลย อาจเป็นคำอธิบายที่สง่างามที่สุดและนี่คือเรื่องราวของเธอ…ที่ไม่เพียงแค่ “ทำให้วันธรรมดากลายเป็นวันที่ดีที่สุด” แต่ยังทำให้เรากลับมาทบทวนคำถามง่าย ๆ ว่า “เรารักในสิ่งที่เราเป็นพอหรือยัง ?”

เราไม่จำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองในรอบที่ 2 เลย ถ้าสมมุติว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดตั้งแต่แรก...มันไม่มีประโยชน์เลยกับการที่หนูลงคลิปรอบที่ 2  

ประโยคหนึ่งที่ฟังดูเรียบง่าย แต่ซ่อนพลังของการเติบโตทางใจเอาไว้แน่นหนา

บทเรียนจากเสียงวิจารณ์ : เมื่อเด็กคนหนึ่งต้องรับมือกับโลกที่โหดร้ายเกินวัย

ย้อนกลับไปตอนอ๊ะอายอายุเพียง 9-10 ขวบ เธอเคยร้องเพลงมินเนี่ยนลงโซเชียล และถูกคนบางกลุ่มกล่าวหาว่าลิปซิงค์ เสียงดราม่าในโลกออนไลน์ถาโถมรุนแรงเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งควรต้องเจอ

ในความพยายามจะแสดงความจริง เธอลงคลิปร้องใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอร้องได้จริง แต่สิ่งที่อ๊ะอายได้เรียนรู้ในภายหลัง กลับกลายเป็นบทเรียนที่มีค่ายิ่งกว่าคำว่า "การชนะ" เธอพบว่า การพยายามพิสูจน์ตัวเองไม่ใช่ทางออกเสมอไป

หลักจิตวิทยาบอกไว้ว่า การพยายามอธิบายตัวเองซ้ำ ๆ ต่อคนที่ไม่อยากฟัง คือหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำร้ายตัวเองทางอ้อม เพราะมันคือการละเลยความรู้สึกตัวเองเพื่อเอาใจคนอื่น เมื่อเรามีคุณค่าอยู่แล้วจากการเป็นเรา เราไม่จำเป็นต้องพยายามให้ใคร "เชื่อ" เสมอไป

พิสูจน์ตัวเองเพื่อใคร : กับดักแห่งความคาดหวัง

ถ้าเราบังเอิญเจอคอมเมนต์แย่ ๆ แล้วเรารู้ว่า มันไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนแย่ หรือไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนถึงชีวิต เราก็จะไม่เอาตัวเองกลับไปอยู่ในจุดเดิมที่ต้องพยายามพิสูจน์อะไรอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเราปฏิเสธ หรือเถียงว่า ‘เราไม่ใช่อย่างที่เขาว่า’ แต่เราจะปล่อยให้เขาคิดของเขาไปเลย เพราะเราห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้ ในขณะเดียวกัน เราก็รู้ตัวเองดีว่าเรากำลังทำอะไร และเราโอเคกับตัวเอง แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ 

อ๊ะอายกล่าวแววตาเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง

ในสังคมที่ตัดสินเร็วและเชื่อช้า เราถูกปลูกฝังให้ต้อง "แสดง" ความสามารถตลอดเวลา โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ที่ภาพลักษณ์ถูกแชร์ก่อนความเข้าใจจะตามมา

อ๊ะอายในวัยเด็ก ไม่ใช่เพียงนักร้องที่มีเสียงน่ารัก แต่เธอคือตัวแทนของเด็กคนหนึ่งที่ต้องผ่านความกดดันที่เกินขอบเขตของวัย และสิ่งที่น่าชื่นชมไม่ใช่แค่การที่เธอร้องเพลงเก่ง แต่คือการที่เธอ เรียนรู้ว่าจะไม่ปล่อยให้โลกภายนอกมากำหนดคุณค่าภายในใจของเธอได้ การพยายามพิสูจน์ตัวเองคือดาบสองคม มันอาจสร้างแรงบันดาลใจ แต่ก็อาจกลายเป็นกรงที่เราขังตัวเองไว้

หลักจิตวิทยาการยอมรับตนเอง : Self-Validation สำคัญกว่าการรอให้ใคร Validate

คำว่า Self-Validation หรือ "การให้ค่ากับตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครรับรอง" คือหัวใจของการมีสุขภาวะทางใจที่มั่นคง

เมื่ออ๊ะอายกล่าวว่า “เราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองในรอบที่ 2 เลย...” เธอกำลังแสดงออกถึงพัฒนาการทางจิตใจที่แข็งแรงกว่าคนหลายคนในวัยผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ เพราะการที่เธอเข้าใจว่า "ฉันไม่ได้ผิด" จึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังชีวิตไปกับการตอบคำถามของคนที่ตั้งใจจะไม่ฟัง หลายครั้ง คนที่ดราม่าใส่เรา ไม่ได้ต้องการ "คำอธิบาย" แต่เพียงแค่ต้องการ "อารมณ์ร่วม" ในการขับไล่ใครสักคนจากความรู้สึกปลอดภัยของตัวเอง

การวางใจในความเงียบ : เสียงเงียบก็มีพลัง

ในยุคที่ทุกคนพูดมากกว่าฟัง ความเงียบกลายเป็นสิ่งหายาก แต่ในบางสถานการณ์ การไม่ตอบโต้คือการปกป้องตัวเอง ไม่ใช่ทุกความเข้าใจผิดที่เราต้องรีบแก้ ไม่ใช่ทุกข้อกล่าวหาที่เราต้องอธิบาย ถ้าเราแน่ใจในเจตนาของตนเอง นักจิตวิทยาแนะนำว่า เมื่อเราเผชิญกับคำวิจารณ์ที่ไม่สร้างสรรค์ การนิ่งเฉยอาจเป็นวิธีจัดการที่ปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้ต้องการคำตอบจริง ๆ

นอกจากเงียบ... เราทำอะไรได้อีกบ้าง ?

ความเงียบคือเครื่องมือ แต่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการดูแลใจตัวเอง บางครั้ง เราเงียบ เพื่อรักษาพลัง ไม่ใช่เพื่อยอมแพ้ และเมื่อใจเริ่มนิ่ง เราสามารถ “เลือก” ได้ว่าเราจะทำอะไรต่อไป โดยไม่ต้องวิ่งไล่ตามการยอมรับจากใคร

1. เขียนความรู้สึกแทนการพูด

เมื่อไม่สามารถพูดกับใครได้ การเขียนคือพื้นที่ปลอดภัยของใจ การเขียนช่วยให้เราตีความความรู้สึกของตัวเองได้ชัดขึ้น เห็นว่าอะไรคือความเจ็บ อะไรคือความจริง และอะไรคือแค่ความคาดหวังจากคนอื่นที่เราไม่จำเป็นต้องแบก

"เมื่อโลกภายนอกดังเกินไป การกลับมาเขียนบันทึก คือการชวนตัวเองกลับเข้าบ้านของหัวใจ"

2. สร้างพรมแดนของใจอย่างชัดเจน

ในภาษาจิตวิทยาเรียกว่า Boundaries หรือขอบเขตส่วนตัว การเงียบในบางสถานการณ์ควรมาพร้อมการวางขอบเขตว่า ใครพูดกับเราได้ถึงแค่ไหน ใครที่ไม่ควรมีอำนาจมาทำให้เรารู้สึกด้อยค่า ความเงียบจะมีพลัง ก็ต่อเมื่อเรารู้ว่า “เรายังเป็นเจ้าของพื้นที่ในใจตัวเอง” ไม่ใช่คนอื่น

3. เลือกอยู่กับคนที่รับฟัง ไม่ใช่แค่ได้ยิน

แม้เราไม่พูดกับคนที่วิจารณ์เรา เราก็สามารถพูดกับคนที่เข้าใจเราได้ ความเงียบจึงไม่ได้หมายถึง “ความโดดเดี่ยว” เสมอไป หากเรายังมีพื้นที่ปลอดภัยในรูปของมิตรภาพ ครอบครัว หรือกลุ่มสนับสนุน “เราไม่ต้องพูดกับทุกคน แต่ควรมีใครสักคนที่เรากล้าพูดด้วยได้หมดหัวใจ”

4. ฟังเสียงในใจ เพื่อปรับความเข้าใจที่เรามีต่อตัวเอง

หลายครั้งคำวิจารณ์ที่กระทบใจเราแรง ๆ ไม่ได้มาจากความจริงของคำพูดนั้น แต่อาจสะท้อนจุดที่เรายังไม่มั่นใจในตัวเอง การนิ่งเงียบจึงไม่ใช่แค่การหลีกเลี่ยง แต่คือโอกาสให้เราตรวจสอบใจ ว่าเรายังต้องการการยืนยันจากใครอยู่ไหม หรือจริง ๆ เราก็เพียงพออยู่แล้ว

5. ลงมือทำในสิ่งที่รักต่อไป

สุดท้าย การกระทำเสียงเบาที่สุด คือ “การลงมือทำในสิ่งที่เราเชื่อ” ไม่ตอบ ไม่เถียง ไม่อธิบาย แต่อยู่กับงานของเรา อยู่กับความฝันของเรา เพราะความเงียบที่ทรงพลังที่สุด อาจไม่ใช่การเงียบงัน แต่คือการ ไม่หยุดเดิน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์

เรื่องราวของอ๊ะอาย เป็นการเตือนเบา ๆ ว่า โลกนี้ไม่จำเป็นต้องยุติธรรมกับเราเสมอ และความจริง ไม่จำเป็นต้องมีคนเชื่อเยอะถึงจะมีคุณค่า ถ้าเราสามารถยืนอยู่กับความจริงของตัวเองได้ โดยไม่ต้องเรียกร้องการยอมรับจากทุกคน นั่นคืออิสรภาพที่แท้จริงของชีวิต ความสุขบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อเรายอมรับว่า "เราไม่ต้องเป็นที่รักของใครทุกคน" แต่เป็นคนที่เราเองยังรักอยู่ แม้ในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าใจ

แล้วคุณล่ะ…เคยพยายามพิสูจน์ตัวเองให้ใครบางคนเห็นไหม ?  

และวันนี้…คุณยังอยากพิสูจน์อยู่หรือเปล่า หรือเพียงแค่ “เป็นในแบบที่คุณเป็น” 

ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ?

รับชมเรื่องราวของ ‘อ๊ะอาย กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ’ ที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้เห็นคุณค่าของการมีชีวิต หรือได้มุมมองใหม่ ๆ และพร้อมมีวันนี้ดีที่สุดในรายการ “Made My Day วันนี้ดีที่สุด” ทางช่อง Thai PBS หมายเลข 3 หรือ รับชมออนไลน์ผ่านทาง www.thaipbs.or.th/Live ชมย้อนหลังได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/program/MadeMyDay/episodes/109044 , รับชมแบบเต็ม Uncut ได้ที่ https://VIPA.me/th/ และรับฟังเต็มได้ที่ https://www.thaipbspodcast.com/podcast/mademyday

อ้างอิง

  • ความกรุณาต่อตัวเอง (Self-Compassion) โดย Dr. Kristin Neff
    👉 https://self-compassion.org
  • การวางขอบเขตเพื่อดูแลใจตนเอง โดย Nedra Glover Tawwab
    👉 https://www.nedratawwab.com
  • พลังของความเงียบ จาก Psychology Today
    👉 https://www.psychologytoday.com/us/blog/in-flux/202101/the-power-staying-silent

แท็กที่เกี่ยวข้อง

อ๊ะอาย กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐอ๊ะอายSelf-Validationการให้ค่ากับตัวเอง
ชนัญชิดา ธนณรงค์

ผู้เขียน: ชนัญชิดา ธนณรงค์

Creative GEN Y ฝ่ายรายการสถานการณ์และคุณภาพชีวิต มนุษย์ออฟฟิศ 100 % แต่หมกมุ่นหาเรื่อง พาตัวเองไปเล่นเป็นมนุษย์แบบอื่น ในที่อื่น 200 %

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด