เมื่อพูดถึง “ธงชาติ” ถือเป็นความคุ้นเคยของผู้คน ที่มักจะได้พบเจอธงชาติตามสถานที่ต่าง ๆ และในยามสถานการณ์ประเทศไม่ปกติ “ธงชาติ” ยังถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่สะท้อนการรวมพลังไว้เป็นหนึ่งเดียว
Thai PBS ชวนมารู้จักความสำคัญของ “ธงชาติไทย” ผืนผ้าสี่เหลี่ยมที่ร้อยรวมใจผู้คนเอาไว้นับล้านดวง
ต้นกำเนิดที่มา “ธงชาติ”
ธงชาติ คือ ธงที่แสดงสัญลักษณ์ของประเทศและดินแดนต่าง ๆ โดยปกติรัฐของแต่ละประทศมักเป็นผู้กำหนดแบบของธงชาติ และข้อบังคับการใช้ธงชาติ ส่วนประชาชนของแต่ละประเทศ สามารถใช้ธงชาติในดินแดนของตนเอง โดยรายละเอียดการใช้ ขึ้นอยู่กับข้อบังคับการใช้ธงตามที่รัฐนั้น ๆ กำหนด
แต่หากย้อนเวลากลับไป ต้นกำเนิดของการใช้ธงชาติ แรกเริ่มไม่ได้ใช้เป็นผืนผ้าแบบในปัจจุบัน แต่ใช้ไม้ที่มีรูปสัญลักษณ์ติดอยู่ เพื่อบ่งบอกถึงพลังอำนาจ ต่อมาเมื่อประเทศในโลก เกิดการค้าระหว่างกัน เริ่มมีการนำผ้ามาผูกติดไว้กับเสา โดยสันนิษฐานกันว่า จีนเป็นชาติแรก ๆ ที่ใช้ธงแบบผืนผ้า เนื่องจากสมัยนั้นเริ่มมีเทคโนโลยีการทอผ้าเกิดขึ้นในจีน
ส่วนธงที่นำมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เกิดขึ้นราวศตวรรษที่ 17 โดยเป็นเหตุการณ์การรวมชาติระหว่างอังกฤษและสกอตแลนด์ เป็นที่มาของธงที่เรียกว่า Union Flag เป็นการรวมเอาสัญลักษณ์ไม้กางเขนของนักบุญจอร์จ เข้ากับไม้กางเขนของนักบุญแอนดรูว์
เมื่อเวลาผ่านไป ราวศตวรรษที่ 19-20 ธงชาติมีวิวัฒนาการแบบสมัยใหม่ หรือเรียกว่า Modern National Flag มีลักษณะที่เรียบง่าย ใช้สีมากกว่าตราสัญลักษณ์ และสะท้อนอุดมการณ์ของผู้คนในชาติมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันธงชาตินิยมใช้ประดับตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งเอกชนและสถานที่รัฐ เช่น โรงเรียน และศาลาว่าการเมือง ทว่าในบางประเทศมีข้อกำหนดการใช้ธงชาติที่แตกต่างออกไปตามเงื่อนไขประเทศนั้น ๆ
วิวัฒนาการ “ธงชาติไทย"
หากย้อนดูวิวัฒนาการ “ธงชาติไทย” เริ่มขึ้นในสมัยอยุธยา มีการใช้ธงสีแดงเป็นธงสัญลักษณ์ของการค้าขาย ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระราชดำริให้เพิ่มรูปจักรสีขาว อันเป็นเครื่องหมายแห่งราชวงศ์จักรี ลงบนธงสีแดง
กระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเพิ่มรูปช้างเผือกในรูปจักรสีขาวเพื่อใช้สำหรับเรือหลวง ส่วนเรือราษฎรใช้ธงสีแดงอย่างเดิม ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรือราษฎรใช้ธงสีแดงมีรูปช้างสีขาวอยู่ตรงกลาง ส่วนเรือหลวงใช้ธงสีขาว มีรูปช้างสีขาวอยู่ตรงกลาง
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการตราพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับธงไว้หลายฉบับ โดยนัยยะสำคัญคือ การกำหนดให้ธงชาติเป็นรูปช้างเผือกบนพื้นสีแดง
ครั้นเมื่อเข้าสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ไทยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 กับประเทศสัมพันธมิตร ซึ่งส่วนใหญ่ธงชาติจะมีสามสี จึงทรงพระราชทาน “ธงไตรรงค์” ให้เป็นธงชาติไทย โดยให้ตราพระราชบัญญัติธงขึ้นใหม่ เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2460 โดยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมรี ขนาดกว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน และมีสีน้ำเงิน ขาว แดง ก่อนที่ธงไตรรงค์จะมีการประยุกต์ และยังคงยึดใช้ในลักษณะดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน
ความหมายสำคัญของ “ธงชาติไทย"
การกำหนดใช้ “ธงไตรรงค์” หรือธงที่มี 3 สี แต่ละสีมีความหมายสำคัญที่สะท้อนความเป็นชาติไทย โดยสีแดง หมายถึง ชาติ หรือประชาชนชาวไทย สีขาว หมายถึง ศาสนา และสีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์
นอกจากนี้ ธงไตรรงค์ หรือธงชาติไทย ยังถือเป็นสัญลักษณ์อันสูงสุดของชาติ เป็นสิ่งเตือนใจให้อนุชนได้รำลึกถึงการเสียสละเลือดเนื้อของบรรพบุรุษเพื่อรักษาไว้ซึ่งแผ่นดิน และร้อยดวงใจคนทั้งชาติให้เป็นหนึ่ง ก่อเกิดเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการพัฒนาชาติไทยให้วัฒนาสถาพร
เรื่องน่ารู้ “ธงชาติ” ประเทศไทย
- ประเทศไทยกำหนดให้วันที่ 28 กันยายน ของทุกปี เป็นวันพระราชทานธงชาติไทย (Thai National Flag Day) โดยเริ่มกำหนดวันดังกล่าวขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นช่วงเวลาครบ 100 ปี ของการพระราชทานใช้ “ธงไตรรงค์” ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เป็นต้นมา
- ระเบียบการชักธงชาติ ถูกประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2478 ในรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกที่กำหนดระเบียบการชักธงและประดับธงชาติ ทว่าการยืนเคารพธงชาติยังไม่แพร่หลายนักในยุคนั้น
- การเคารพธงชาติวันละ 2 เวลา โดยเป็นการชักธงขึ้นสู่ยอดเสาในเวลา 8.00 น. และเชิญธงลงเวลา 18.00 น. เริ่มต้นอย่างจริงจังในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2485 เกิดจากรายการวิทยุกระจายเสียง “นายมั่น-นายคง” สองผู้ดำเนินการที่เชิญชวนและนัดหมายกับประชาชนให้ยืนตรงเคารพธงชาติพร้อมกัน จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติร่วมกัน ทว่าภายหลังวิถีปฏิบัติดังกล่าวมีอันลดน้อยลงไป
- ต่อมาในสมัยรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี (ราวปี 2519) ได้รื้อฟื้นการเคารพธงชาติวันละ 2 เวลากลับมาอีกครั้ง มีการประกาศเชิญชวนให้ข้าราชการหยุดยืนตรงเคารพธงชาติ รวมทั้งออกเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องระเบียบการชักธงชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2519 ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2519 และต่อมาประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยให้มีการเทียบเวลาจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วันละ 2 ครั้ง
- ธรรมเนียมการประดับธงชาติไทย จะต้องอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่าธงอื่น ๆ และหากเป็นการประดับในงานพิธีที่มีแท่นหรือมีที่สำหรับประธาน ธงชาติจะต้องอยู่ทางขวามือเสมอ ในกรณีที่ประดับธงชาติไทยร่วมกับธงอื่นซึ่งรวมจำนวนเป็นเลขคี่ ธงชาติไทยจะต้องอยู่ตรงกลาง ถ้ารวมกันแล้วเป็นเลขคู่ ธงชาติไทยต้องอยู่ตำแหน่งกลางขวา หลักการเช่นนี้อนุโลมใช้กับการประดับธงชาติไทยคู่กับธงต่างประเทศ เว้นแต่ว่าข้อตกลงระหว่างประเทศกำหนดไปเป็นอย่างอื่น ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศนั้นเป็นกรณีไป
- การแสดงตำแหน่งธงชาติไทย หากเป็นการแข่งขันกีฬา สามารถติดธงไว้บริเวณศีรษะ ใบหน้า แขน หรือลำตัว แต่ไม่ควรติดธงชาติต่ำกว่าเอวของบุคคล ส่วนการนำธงชาติไว้บนยานพาหนะ ติดได้บริเวณกระจกหน้า กระจกหลัง กระจกข้าง หลังคา แต่ห้ามไม่ให้ใส่ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นใดบนธงชาติ และกรณีมีสัญลักษณ์ธงชาติไว้บนชุดเครื่องแต่งกาย ต้องไม่ต่ำกว่าระดับเอวของบุคคล
- การกระทำการต่อธงชาติโดยไม่ให้ความเคารพมีความผิด ต้องระวางโทษตามกฎหมาย คือ
- ผู้ใดกระทำการใด ๆ ต่อธงชาติหรือเครื่องหมายอื่นใด อันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 118)
- ผู้ใดกระทำการใด ๆ ต่อธงชาติ รูปจำลองของธงชาติ หรือแถบสีของธงชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีข้อ 19.2 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 มาตรา 53)
- ผู้ใดกระทำการกระทำใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธงชาติ หรือแถบสีของธงชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 มาตรา 54)
“ธงชาติ” มีความสำคัญและมีความหมาย เป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเรื่องความเสียสละของบรรพบุรุษทุกยุคสมัย ในการปกป้องรักษาแผ่นดินให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิง
- ความเป็นมาของธงชาติไทย / พิพิธภัณฑ์รัฐสภา
- 14 กันยายน 2485 : ยืนตรงเคารพธงชาติไทยเป็นครั้งแรก / ศิลปวัฒนธรรม
- การใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ / กระทรวงมหาดไทย