ดาวบีเทลจุส (Betelgeuse) คือหนึ่งในดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่มดาวนายพราน (Orion) ซึ่งเป็นดาวยักษ์แดงที่อยู่ใกล้ระบบสุริยะที่สุด และเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด เมื่อเร็ว ๆ นี้นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบหลักฐานอันเป็นประจักษ์ว่าดาวบีเทนจุสนั้นเป็นระบบดาวคู่ ซึ่งมีดาวฤกษ์อีกดวงขนาดเล็กโคจรอยู่รอบ ซึ่งเป็นการค้นพบใหม่ที่ยืนยันทฤษฎีเดิมที่เคยถูกตั้งไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน
การค้นพบนี้นับว่าเป็นการค้นพบดาวฤกษ์บริวารของบีเทลจุสจากภาพถ่ายโดยตรง ก่อนหน้านี้นักดาราศาสตร์ได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับดาวยักษ์แดงดวงนี้ว่ามีความผิดปกติของรูปร่าง ความสว่าง และการมีมวลที่มากผิดปกติ จึงเคยมีการตั้งสมมติฐานว่าอาจมีดาวบริวารโคจรอยู่ แต่เพราะบีเทลจุสสว่างมากเกินไปจนบดบังแสงวัตถุอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เราไม่เคยสังเกตเห็นวัตถุนั้นอย่างตรงไปตรงมาว่าแท้จริงแล้วมีอยู่จริงหรือไม่ แล้วมันคืออะไรกันแน่
ประจวบเหมาะกับก่อนหน้านี้มีงานวิจัยจากนักดาราศาสตร์สองกลุ่มที่ใช้ข้อมูลการสังเกตการณ์บีเทลจุสมานานกว่า 100 ปี มาวิเคราะห์ตำแหน่งและความสว่างเพื่อทำนายช่วงเวลาและวงโคจรของวัตถุปริศนานี้ ซึ่งเป็นพอดีกับช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่ดาวบริวารของบีเทลจุสจะอยู่ในตำแหน่งที่ห่างที่สุดจากดาวแม่และอาจสามารถสังเกตเห็นมันได้ และหากพลาดช่วงนาทีทองนี้ไปอาจต้องรออีก 3 ปี ช่วงเวลาดังกล่าวนับว่าสำคัญต่อการศึกษา เพราะก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามสังเกตการดาวบริวารของบีเทลจุสผ่านกล้องโทรทรรศน์อวกาศเช่นกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ
ต่อมา ทีมวิจัยจาก NASA นำโดย ดร.สตีฟ โฮเวลล์ (Steve Howell) ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ Gemini North บนเกาะฮาวาย ซึ่งเป็นหนึ่งในกล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วมกับกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูงพิเศษที่ชื่อว่า Alopeke Speckle Instrument กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูงที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องของดวงดาวได้หลายพันภาพต่อวินาทีเพื่อนำภาพถ่ายมาวัดและลบผลกระทบจากบรรยากาศโลกออกจากข้อมูล ทำให้ได้ภาพที่คมชัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทีมของโฮเวลล์สามารถตรวจจับดาวบริวารที่มีแสงจาง ๆ ได้ตรงกับตำแหน่งที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอยู่ใกล้ขอบด้านนอกของดาวบีเทลจุส และการค้นพบนี้ก็สามารถนับได้ว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ทางดาราศาสตร์ครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะถือว่าไขปริศนาที่ค้างคามาร่วมหลายสิบปี
การค้นพบดาวฤกษ์บริวารของบีเทลจุสนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่อาจนำมาสู่การเข้าใจถึงวัฏจักรความสว่างที่เปลี่ยนแปลงของบีเทลจุส ทั้งเรื่องของความสว่าง รูปร่าง หรือแม้แต่มวลที่ผิดปกติของบีเทลจุส อีกทั้งยังช่วยให้สามารถทำนายวิวัฒนาการของบีเทลจุสได้อย่างแม่นยำว่า ในอนาคตอันใกล้ ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เคียงกับบีเทลจุสจะสลายหายไปพร้อมกับดาวบีเทลจุสจากการระเบิดซูเปอร์โนวาประเภท II (Supernova Type II) ซึ่งเป็นการระเบิดซูเปอร์โนวาที่ยิ่งใหญ่และอาจจะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้ที่ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด
ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การสำรวจดาวฤกษ์บริวารของบีเทลจุสอีกครั้งนั้นคือช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2027 หากดาวบีเทลจุสยังไม่ระเบิดไปเสียก่อน เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับดาวฤกษ์บริวารนี้อีกเพิ่มเติม
แม้การค้นพบดาวฤกษ์บริวารที่โคจรรอบดาวแม่ที่เรารู้จักกันดีมาตั้งแต่ครั้งอดีตจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่สิ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่และเคยมีการค้นพบลักษณะนี้มาก่อนแล้ว เช่น ดาวซิริอุส (Sirius) ดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า ก่อนหน้านี้นักดาราศาสตร์เชื่อว่าดาวซิริอุสเป็นดาวฤกษ์เดี่ยว แต่จากการติดตามการส่ายของดาวในอดีตทำให้เคยมีการคาดการณ์ว่าดาวซิริอุสอาจจะเป็นดาวฤกษ์คู่ จนกระทั่งในปี 1862 ได้มีการถ่ายภาพยืนยันดาวแคระขาวที่อยู่คู่กับดาวซิริอุส และนี่คือที่มาของดาวซิริอุส บี (Sirius B) ที่เรารู้จักกัน
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech