ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ช่วงคืน 3 ส.ค. 68 เกิด “ลูกไฟสีเขียวใหญ่บนฟ้า” หลายพื้นที่ในไทย อาจเป็น “ดาวตกชนิดระเบิด”


วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

จิราภพ ทวีสูงส่ง

แชร์

ช่วงคืน 3 ส.ค. 68 เกิด “ลูกไฟสีเขียวใหญ่บนฟ้า” หลายพื้นที่ในไทย อาจเป็น “ดาวตกชนิดระเบิด”

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2984

ช่วงคืน 3 ส.ค. 68 เกิด “ลูกไฟสีเขียวใหญ่บนฟ้า” หลายพื้นที่ในไทย อาจเป็น “ดาวตกชนิดระเบิด”

วันนี้ (4 ส.ค. 68) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) “สดร.” หรือ NARIT กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ชี้แจงกรณีที่มีรายงานการพบลูกไฟสีเขียวสว่างวาบ พาดยาวบนท้องฟ้า ช่วงคืนวันที่ 3 ส.ค. 68 ตามด้วยเสียงดังสนั่นที่ได้ยินพร้อมกันหลายพื้นที่ ทั้งในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่พบรายงานความเสียหายหรือการเกิดอันตรายแต่อย่างใด จากหลักฐานที่รวบรวบรวมได้ อาทิ ข้อมูลการโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ภาพถ่าย และวิดีโอ เบื้องต้นคาดว่าอาจคือ “ดาวตกชนิดระเบิด” (Bolide) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ “ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์” เป็นเหตุการณ์ที่สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์

จากข้อมูลที่มีการเผยแพร่ คลิปวิดีโอและภาพถ่ายในโซเชียลมีเดีย ช่วงคืนวันที่ 3 ส.ค. 68 เวลาประมาณ 23:52 - 23:55 น. หลายพื้นที่ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร อ่างทอง นครนายก นนทบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ สุรินทร์ มีข้อมูลรายงานพบเห็นลูกไฟสีเขียวขนาดใหญ่วิ่งพาดผ่านท้องฟ้าเป็นแนวยาวประมาณ 10 วินาที พุ่งจากทางทิศตะวันออก พร้อมได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายเสียงระเบิดตามมา

จากคุณสมบัติเหล่านี้ คาดว่าเป็นดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ที่มีความสว่างมากกว่าแมกนิจูดปรากฏ -14.0 เป็นต้นไป (สว่างมากกว่าดวงจันทร์เต็มดวง) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีระดับความสูงอยู่ที่ 80 ถึง 120 กิโลเมตร จึงสามารถสังเกตเห็นได้หลายพื้นที่ในประเทศไทย

นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 17 ก.ค. - 24 ส.ค. ของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีปรากฏการณ์ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ (Perseids) จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า ดาวตกชนิดระเบิดดวงนี้ อาจเป็นส่วนหนึ่งของฝนดาวตกดังกล่าว ที่จะมีอัตราการตกเฉลี่ยสูงสุดประมาณ 100 ดวงต่อชั่วโมง ในคืนวันที่ 12 ส.ค. ถึงรุ่งเช้า 13 ส.ค. 68

ฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์ หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อ “ฝนดาวตกวันแม่” เกิดจากเศษฝุ่นของดาวหางสวิฟท์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) ที่หลงเหลืออยู่ในแนววงโคจร เมื่อโลกเคลื่อนผ่านเข้าไปในบริเวณนั้น เศษฝุ่นจะถูกแรงโน้มถ่วงดึงเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและลุกไหม้จนเกิดเป็นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้า ฝนดาวตกนี้มีลักษณะเด่นคือดาวตกสีเขียวสดใสจากองค์ประกอบของแมกนีเซียม เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไม่มีผลกระทบต่อโลก

ปัจจัยที่ส่งผลต่อสีของดาวตก เกิดจากองค์ประกอบทางเคมีของดาวตก และรวมถึงชนิดของแก๊สในชั้นบรรยากาศโลก เมื่อดาวตกพุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงมาก จะเกิดการเสียดสีจนมีความร้อนสูง และเกิดการเผาไหม้ และเปล่งแสงออกมาในช่วงคลื่นต่าง ๆ เราจึงมองเห็นสีของดาวตกปรากฏในลักษณะที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสองปัจจัยได้แก่ องค์ประกอบทางเคมี โมเลกุลของอากาศโดยรอบ

ในแต่ละวันจะมีวัตถุขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกเป็นจำนวนมาก เราสามารถพบเห็นได้เป็นลักษณะคล้ายดาวตก และยังมีอุกกาบาตตกลงมาถึงพื้นโลกประมาณ 44-48.5 ตันต่อวัน แต่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คน จึงไม่สามารถพบเห็นได้ ดาวตกนั้นจึงเป็นเรื่องปกติและสามารถอธิบายได้ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์
 

อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS

“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ลูกไฟสีเขียวดาวตกชนิดระเบิดBolideฝนดาวตกเพอร์เซอิดส์Perseidsดาราศาสตร์นักดาราศาสตร์ปรากฏการณ์ดาราศาสตร์Thai PBS Sci And Tech Thai PBS Sci & Tech Space - Astronomy
จิราภพ ทวีสูงส่ง

ผู้เขียน: จิราภพ ทวีสูงส่ง

"เซบา บาสตี้" เจ้าหน้าที่เนื้อหาดิจิทัล สำนักสื่อดิจิทัล ไทยพีบีเอส คนทำงานด้านการเขียน : Specialist Contents / Journalist / Writer / Creative Copywriter / Proofreader Lover (ติดต่อ jiraphobT@thaipbs.or.th)

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด