ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

หาก “โลกร้อน” ถึง 1.5 องศาฯ และ 2.0 องศาฯ จะเกิดอะไรขึ้น?


วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

จิราภพ ทวีสูงส่ง

แชร์

หาก “โลกร้อน” ถึง 1.5 องศาฯ และ 2.0 องศาฯ จะเกิดอะไรขึ้น?

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3000

หาก “โลกร้อน” ถึง 1.5 องศาฯ และ 2.0 องศาฯ จะเกิดอะไรขึ้น?

จาก “สภาพอากาศ” ที่แปรปรวนป่วนปั่นในปีนี้ ซึ่งสาเหตุสำคัญก็คือ “โลกร้อน” สู่คำถามอันน่าสนใจว่าแล้วจะเกิดขึ้นหาก “โลกร้อน” ถึง 1.5 องศาเซลเซียส และ 2.0 องศาเซลเซียสตามลำดับ ไปฟังการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพกัน

ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้ให้ความรู้ผ่านเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat ไว้ 5 ข้อดังนี้ว่า

1. พ.ศ. 2567 ถือเป็นปีที่มีอากาศร้อนที่สุดในโลกเท่าที่เคยบันทึกไว้ เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างสุดขั้วเป็นสาเหตุหลัก นอกจากนี้ปี 2567 ยังเป็นปีแรกที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม

2. ผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเมื่ออุณหภูมิเกิน 1.5 องศาเซลเซียส

2.1 สภาพอากาศจะรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น เช่น เกิดคลื่นความร้อนและฝนตกหนัก

2.2 เกิดการละลายอย่างรวดเร็วของธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น

2.3 เกิดการหดตัวของน้ำแข็งในทะเลอาร์กติก

2.4 มหาสมุทรที่อุ่นขึ้น ทำให้เกิดพายุบ่อยขึ้นรุนแรงขึ้นและความร้อนของน้ำทะเลจะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลเนื่องจากระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง

2.5 เกิดการพังทลายของแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ กระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกอุ่นขึ้นและเกิดการสูญเสียป่าฝนแอมะซอน (Amazon) เพิ่มเติม

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผู้คนและเศรษฐกิจทั่วโลกแล้วดังเช่นในปี 2022 พื้นที่บางส่วนของแอฟริกาตะวันออกประสบภัยแล้งครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปีส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 20 ล้านคนเสี่ยงต่อความหิวโหยอย่างรุนแรง

3. นับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมเริ่มต้นขึ้น มนุษย์ได้เริ่มเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลในปริมาณมากทำให้มีปริมาณ CO2 ในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าระดับที่เคยพบเห็นในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของโลกมาก

งานวิจัยพบว่า CO2 ที่ปล่อยออกมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล มีลักษณะทางเคมีที่โดดเด่นซึ่งตรงกับชนิดของ CO2 ที่พบมากขึ้นในชั้นบรรยากาศ

4. โอกาสที่อุณหภูมิโลกจะสูงเกิน 2.0 องศาเซลเซียสภายในปี 2050 มีอยู่สูงมาก หากโลกยังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับเท่ากับปัจจุบันหรือเพิ่มขึ้น

สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันดับ 2 ของโลกได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement) โดยจะใช้พลังงานจากฟอสซิลเพิ่มขึ้น

5. มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าหากภาวะโลกร้อนขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียสหรือมากกว่านั้นจะส่งผลกระทบต่อโลกอย่างรุนแรงมาก ได้แก่

5.1 คนจำนวนมากจะต้องเผชิญ กับอากาศที่ร้อนจัดบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น

5.2 ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นเนื่องจากธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งละลาย เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกบางแห่งอาจจะหายไป และอาจจะเกิดการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงในประเทศริมทะเล โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น

5.3 ความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางอาหารจะเพิ่มมากขึ้นในบางภูมิภาค เนื่องจากสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นอาจเกิดความแห้งแล้งอย่างสุดขั้วและอาจเกิดฝนตกหนักอย่างสุดขั้วในบางพื้นที่

5.4 มีโอกาสที่จะเกิดเชื้อโรคที่ไวต่อสภาพอากาศบางชนิดแพร่กระจายไปทุกพื้นที่ เช่น ไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย สูงขึ้น

5.5 สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่กำลังถูกคุกคามจนสูญพันธุ์ เนื่องจากระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลง

5.6 เกิดการสูญเสียแนวปะการังเกือบทั้งหมด


อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS

“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

แท็กที่เกี่ยวข้อง

โลกร้อนลดโลกร้อนภาวะโลกร้อนปัญหาโลกร้อนโลกเดือดภาวะโลกเดือดสภาพอากาศสภาพอากาศสุดขั้วสภาพอากาศวันนี้สภาพอากาศโลกสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสุดขั้วการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศวิทย์น่ารู้วิทยาศาสตร์น่ารู้วิทยาศาสตร์Thai PBS Sci And Tech Thai PBS Sci & Tech Science
จิราภพ ทวีสูงส่ง

ผู้เขียน: จิราภพ ทวีสูงส่ง

"เซบา บาสตี้" เจ้าหน้าที่เนื้อหาดิจิทัล สำนักสื่อดิจิทัล ไทยพีบีเอส คนทำงานด้านการเขียน : Specialist Contents / Journalist / Writer / Creative Copywriter / Proofreader Lover (ติดต่อ jiraphobT@thaipbs.or.th)

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด