ช่วงนี้สังคมไทยมีคดีความที่เป็นข่าวใหญ่อยู่มากมาย และหลาย ๆ คดีมักมีการพิพากษาที่ลงท้ายด้วยคำว่า “ไม่รอลงอาญา” Thai PBS ชวนหาความหมาย “การรอลงอาญา” คืออะไร และเหตุใดถึงมีการพิจารณาให้ “ไม่รอลงอาญา”
ความหมายของคำว่า “รอลงอาญา”
รอลงอาญา หรือ รอการลงโทษ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า suspended sentence หมายถึง การที่ศาลพิพากษาลงโทษผู้กระทำความผิดให้จำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่มีเหตุที่ศาลเห็นว่า การปล่อยตัวจำเลยไป จะเป็นประโยชน์มากกว่าการลงโทษจำคุก จึงพิจารณาให้มีการรอลงอาญา
ทั้งนี้ ในทางกฎหมาย มักใช้คำว่า “รอการลงโทษ” โดยในทางปฏิบัติ การรอลงอาญา คือ การที่ศาลปล่อยตัวจำเลยไป เพื่อให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดนั่นเอง
หลักเกณฑ์ตัดสินให้ “รอลงอาญา” เป็นอย่างไร
เกณฑ์ที่ศาลใช้ตัดสินเพื่อการ “รอลงอาญา” ใช้การพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุกหรือปรับ และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ไม่ว่าจะลงโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตาม หรือลงโทษปรับ ถ้าปรากฏว่าผู้นั้น
(๑) ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน หรือ
(๒) เคยรับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือเป็นโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ
(๓) เคยรับโทษจำคุกมาก่อนแต่พ้นโทษจำคุกมาแล้วเกินกว่าห้าปี แล้วมากระทำความผิดอีก โดยความผิดในครั้งหลังเป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ศาลจะใช้เกณฑ์ที่กล่าวมาข้างต้น พิจารณาพร้อมกับคำนึงถึงเรื่องอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อมของบุคคลนั้น หรือสภาพความผิด หรือการรู้สึกความผิด และความพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น หรือเหตุอื่นอันควรปรานีแล้ว
เมื่อได้ข้อสรุป ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิด แต่ให้รอการกำหนดโทษ หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ ไม่ว่าจะเป็นโทษจำคุกหรือปรับอย่างหนึ่งอย่างใดหรือทั้งสองอย่าง เพื่อให้โอกาสกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนด แต่ต้องไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้
สรุปความโดยง่าย หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อการ “รอลงอาญา” บุคคลต้องเข้าข่ายดังต่อไปนี้
- กระทำความผิดครั้งแรก ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน
- เคยรับโทษจำคุมมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
- เคยถูกพิพากษาให้จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
- เคยรับโทษจำคุกมาก่อน แต่พ้นโทษเก่ามาแล้วเกินกว่า 5 ปี แล้วมากระทำความผิดอีก โดยความผิดในครั้งหลังเป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
หลักปฏิบัติขณะอยู่ในสถานภาพ “รอลงอาญา”
ระหว่างการรอลงอาญา ศาลมักกำหนดเงื่อนไข เพื่อคุมความประพฤติของผู้กระทำผิด โดยใชหลักเกณฑ์ปฏิบัติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้
- รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานที่ศาลระบุไว้เป็นครั้งคราว หรือจัดให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่เจ้าพนักงานและผู้กระทำความผิดเห็นสมควร
- ให้ฝึกหัดหรือทำงานอาชีพอันเป็นกิจจะลักษณะ
- ให้ละเว้นการคบหาสมาคมหรือการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก
- ให้ไปรับการบำบัดรักษาการติดยาเสพติดให้โทษ ความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจ หรือความเจ็บป่วยอย่างอื่น ณ สถานที่และตามระยะเวลาที่ศาลกำหนด (กรณีผู้ได้รับการตัดสินรอลงอาญามีพฤติกรรมที่ข้องเกี่ยว หรือมีความบกพร่องอย่างหนึ่งอย่างใด)
- ให้เข้ารับการฝึกอบรม ณ สถานที่และตามระยะเวลาที่ศาลกำหนด
- ห้ามออกนอกสถานที่อยู่อาศัย หรือห้ามเข้าในสถานที่ใดในระหว่างเวลาที่ศาลกำหนด ทั้งนี้ อาจใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์อื่นใดที่สามารถใช้ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางด้วย
- ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือเยียวยาความเสียหายโดยวิธีอื่นให้แก่ผู้เสียหายตามที่ผู้กระทำความผิดและผู้เสียหายตกลงกัน
- ให้แก้ไขฟื้นฟูหรือเยียวยาความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพยากรธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมหรือชดใช้ค่าเสียหายเพื่อการดังกล่าว
- ให้ทำทัณฑ์บน โดยกำหนดจำนวนเงินตามที่ศาลเห็นสมควรว่าจะไม่ก่อเหตุร้าย หรือก่อให้เกิดภยันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สิน
- เงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดเพื่อแก้ไข ฟื้นฟู หรือป้องกันมิให้ผู้กระทำความผิด กระทำหรือมีโอกาสกระทำความผิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการปฏิบัติ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ที่กำหนดเงื่อนไขแก่บุคคล ซึ่งมีความแตกต่างกันไป ตามรายละเอียดและคุณลักษณะของความผิดนั้น ๆ
ลักษณะของการ “ไม่รอลงอาญา” เป็นอย่างไร
ในมุมกลับกัน ศาลสามารถมีดุลยพินิจ “ไม่รอลงอาญา” กับความผิดของจำเลยนั้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ การไม่รอลงอาญา หมายถึง การที่ศาลได้พิจารณาแล้วว่า จำเลยมีความผิดจริง แต่ตัดสินให้ จำเลยต้องรับโทษทันที โดยไม่มีการรอการลงโทษหรือผัดผ่อนเวลา
ส่วนเหตุผล หรือเงื่อนไข ที่ส่งผลให้ศาลพิจารณาไม่รอลงอาญา มีปัจจัยร่วมกันหลายประการ เช่น
- ความร้ายแรงของความผิด เช่น เป็นอาชญากรรมที่มีผลกระทบรุนแรง ศาลอาจไม่รอลงอาญา
- ลักษณะของจำเลย หากศาลเห็นว่าจำเลยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือมีลักษณะที่เป็นอันตรายต่อสังคม ศาลอาจไม่ให้โอกาสรอลงอาญา
รอลงอาญา สามารถกลับไปจำคุกได้
เหตุที่ต้องมีการควบคุมความประพฤติในช่วงการรอลงอาญา เนื่องจากหากบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดใหม่ หรือทำผิดเงื่อนไขของศาล ศาลสามารถยกเลิกการคุมประพฤติ แล้วสั่งลงโทษตามการพิพากษาเดิมได้
ยกตัวอย่าง บุคคลต้องโทษจำคุก 3 ปี โดยศาลให้รอลงอาญา 3 ปี แต่ในระหว่างนั้น เกิดมีการทำผิดเงื่อนไข โดยศาลตักเตือนแล้วก็ยังทำอีก ศาลจึงลงโทษให้เข้าไปอยู่ในคุก 3 ปีเช่นเดิม
นอกจากนี้ บุคคลสามารถได้รับการตัดสินให้รอลงอาญาได้มากกว่า 1 คดี เช่น คดีที่ 1 มีโทษจำคุก 3 ปี ศาลให้รอลงอาญา แต่ในระหว่างนั้น มีคดีอื่นที่ถูกพิพากษาว่าทำความผิด แต่เป็นความผิดที่ทำโดยประมาท ศาลจึงสั่งรอลงอาญาไว้อีก 1 คดี รวมเป็นรอลงอาญาไว้ 2 คดี ซึ่งหากจำเลยทำตัวดี ไม่ก่อเรื่องเพิ่ม หรือไม่ผิดเงื่อนไขของศาล เมื่อครบกำหนดรอลงอาญา ก็จะถือว่าพ้นโทษ
ในคราวเดียวกัน หากเป็นความผิดที่ไม่ใช่การทำผิดโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ศาลพิพากษาว่าจะต้องโทษจำคุก ทว่า ยังมีคดีก่อนหน้าที่อยู่ในช่วงรอลงอาญา โทษที่ถูกรอลงอาญาก่อนหน้า จะถูกนำมานับรวมในคดีล่าสุดด้วยเช่นกัน
ลักษณะของการ “รอลงอาญา” มีรายละเอียดที่ต้องศึกษาให้เข้าใจ แต่เหนืออื่นใด คือการไม่กระทำความผิด เพื่อให้ชีวิตไม่ต้องเสี่ยงต่อการต้องไปจำคุกแต่อย่างใด…
อ้างอิง
- ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56