7 ทริกต้องรู้ ! ใช้แอปฯ นำทางอย่างไรไม่ให้หลง

แอปพลิเคชันนำทางช่วยให้เราวางแผนการเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น แต่หลายครั้ง ก็เกิดถนนสายใหม่ ๆ ที่แม้แต่แอปฯ เองก็อัปเดตให้ไม่ทัน

Thai PBS Sci & Tech ได้รวบรวมทริกต่าง ๆ ที่ผู้สัญจรทุกคนต้องรู้เพื่อใช้แอปพลิเคชันนำทางได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งมั่นใจได้ว่า ‘จะไม่หลงทางหนักกว่าเดิม’ ครับ

จะใช้แอปพลิเคชันนำทางอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ?

1) เปรียบเทียบเส้นทางทุกตัวเลือกที่แอปฯ คิดมาให้

ปกติแล้ว แอปพลิเคชันนำทางจะคำนวณเส้นทางพร้อมระยะเวลาการเดินทางให้อย่างน้อย 2-3 รูปแบบ ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถขยายแผนที่ดูคร่าว ๆ ได้ว่า สภาพการจราจรเป็นอย่างไร เส้นทางที่จะเลือกนั้นคดเคี้ยวหรือเปล่า มีค่าผ่านทางไหม ฯลฯ พอเลือกเส้นทางที่จะใช้ได้แล้ว ต้องตรวจดูอีกครั้งว่า ปักหมุดจุดหมายไว้ถูกต้องหรือเปล่า

2) ดูการตั้งค่าการนำทาง

เมื่อปักหมุดนำทาง ต้องดูว่าเส้นทางต่าง ๆ ที่แอปพลิเคชันคำนวณมาให้นั้น ผ่านเส้นทางแบบไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นทางหลวง ทางด่วน มอเตอร์เวย์ หรือแม้แต่ทางหมู่บ้านและทางส่วนบุคคล หากเราปิดตัวเลือกประเภททางพิเศษต่าง ๆ ก็อาจทำให้แอปฯ พาเราใช้ถนนสายย่อย จนทำให้หลงทางได้

M81 คือมอเตอร์เวย์สายหนึ่งที่ยังไม่เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ แต่มีผู้ใช้รถใช้ถนนขับตามแอปพลิเคชันนำทางบนถนนสายนี้ จนเกิดความเข้าใจผิดและหลงทาง (ภาพจาก: กรมทางหลวง)

3) ศึกษาลักษณะทางด้วยฟังก์ชัน Street View

ฟังก์ชันนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมให้ผู้สัญจรเห็นสภาพแวดล้อมโดยรวมของเส้นทางที่จะขับผ่าน อาทิ ลักษณะและขนาดถนน จุดสังเกต และสิ่งก่อสร้างสำคัญ ทั้งนี้ ก็ต้องดูด้วยว่า ภาพ Street View นั้น อัปเดตครั้งล่าสุดตอนไหน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับสภาพจริงในปัจจุบันมากที่สุด

4) ใช้เสียงนำทาง และ/หรือเชื่อมแอปฯ เข้ากับอุปกรณ์จอสัมผัสในรถ

ตัวช่วยเหล่านี้จะทำให้เรามีสมาธิกับการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น เห็นการนำทางชัดเจน ไม่ต้องคอยก้มดูโทรศัพท์ หรือหากรถคันใดไม่มีจอสัมผัสที่ต่อกับมือถือได้ ก็สามารถใช้ขาตั้งมือถือภายในรถได้

5) เปิดตำแหน่งแบบเรียลไทม์ให้คนที่เรารู้จัก

ผู้สัญจรสามารถแชร์ตำแหน่ง GPS เป็นช่วง ๆ หรือตลอดเวลาการเดินทางให้คนอื่นทราบได้ การทำเช่นนี้ช่วยให้เราและคนรักอุ่นใจโดยเฉพาะตอนที่เราเดินทางสู่สถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน นอกจากนี้ ในกรณีที่เดินทางเป็นขบวนหมู่คณะ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารก็สามารถแชร์ตำแหน่งเพื่อติดตามการเดินทางกันและกัน

6) ขับรถด้วยความเร็วปานกลางและไม่อยู่เลนขวาสุด

แม้จะใช้แอปพลิเคชันนำทางก็จริง แต่หลายครั้ง เราอาจใจร้อนและดูการนำทางพลาดไป หรือตัวแอปฯ เองอาจยังไม่อัปเดตข้อมูลล่าสุด การขับช้า ๆ และอยู่ช่องทางซ้าย/กลาง ก็ช่วยให้เรา ‘กลับลำ’ ทันได้หากรู้ว่ากำลังไปผิดทาง

7) เช็กข้อมูลการเดินทางให้ชัวร์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สามารถโทรศัพท์สอบถามเรื่องเส้นทางหรือแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ที่สายด่วนต่าง ๆ เช่น กรมทางหลวง (โทร. 1586) ตำรวจทางหลวง (โทร. 1193) หรือศูนย์ปลอดภัยคมนาคม (โทร. 1356) อีกทั้งการติดตามข่าวสารการจราจรกับเส้นทางตัดใหม่ต่าง ๆ ก็ช่วยทำให้ผู้สัญจรได้ข้อมูลล่าสุด ก่อนที่แอปพลิเคชันจะเพิ่มเข้าระบบ

การเตรียมตัวและหาข้อมูลไว้ก่อนถือเป็นสิ่งที่ดีควรทำก่อนการเดินทางครับ โดยเฉพาะถ้าเกิดต้องไปสถานที่ที่ไม่รู้จักมาก่อน นอกจากจะป้องกันการหลงทางได้แล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำมัน เงินในกระเป๋า และเวลาได้ด้วย