ในช่วงไว้ทุกข์การแสดงความอาลัย "สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง" มีข้อคำถามหลายอย่างเกี่ยวกับการแสดงความอาลัยรวมถึงข้อควรปฏิบัติตามโอกาสต่าง ๆ ควรเป็นอย่างไร ?
Thai PBS รวบรวมการแต่งกายที่เหมาะสม ข้อปฏิบัติต่าง ๆ ในการแสดงความอาลัยและมาตรการช่วงไว้ทุกข์ให้ทุกคนได้เป็นข้อมูลเพื่อประโยชน์ต่อการปฏิบัติตัวในช่วงเวลานี้
การแต่งกายไว้อาลัย “สมเด็จพระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง” ของข้าราชการและประชาชน
การแต่งกายของข้าราชการและประชาชนสำหรับแสดงความอาลัยมีข้อควรรู้ตามประกาศเกี่ยวกับการจัดงานพระราชพิธี งานพระบรมศพ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และระเบียบการไว้ทุกข์ สำหรับหน่วยงานราชการ - รัฐวิสาหกิจ และประชาชน
การแต่งกายไว้ทุกข์ของข้าราชการ รวมถึงพนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐแต่งกายไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปีตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดยแนวทางการแต่งกายไว้ทุกข์ มีดังนี้
1. กรณีร่วมงานพระราชพิธี ให้แต่งเครื่องแบบตามหมายรับสั่งหรือ หมายกำหนดการของสำนักพระราชวัง โดยสวมปลอกแขนไว้ทุกข์
2. กรณีมิได้ร่วมงานพระราชพิธี ให้แต่งเครื่องแบบปฏิบัติราชการ ไม่ต้องสวมปลอกแขนไว้ทุกข์ กรณีข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ที่มีกฎหมายกำหนดไว้ เป็นอย่างอื่นเป็นการเฉพาะให้แต่งกายตามนั้น
การแต่งกายไว้ทุกข์ของประชาชนทั่วไป ไม่ได้มีการกำหนดจากทางราชการ เป็นเพียงการขอความร่วมมือกับภาคเอกชนและประชาชนทั่วไป ให้แต่งกายตามความเหมาะสมเท่านั้น โดยให้ร่วมแต่งกายไว้ทุกข์เป็นเวลา 90 วัน
1. กรณีแต่งชุดสีดำล้วน ไม่ควรมีลวดลาย ควรมีสีดำเป็นสีหลัก เป็นชุดสุภาพมิดชิด
2. กรณีไม่มีชุดสีดำ สามารถเลือกใส่ชุดสีขาวหรือเสื้อผ้าสีสุภาพแทนได้ เช่น สีน้ำเงินเข้ม สีกรมท่า ยังมีสีอื่น ๆ เช่น สีเทา สีโทนหม่น หรือสีครีม ไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่มีสีฉูดฉาด ควรเลือกแบบเรียบที่ไม่มีลวดลาย เป็นชุดสุภาพมิดชิดเช่นกัน
3. กรณีชุดเครื่องแบบ พนักงานเอกชนที่มีการแต่งเครื่องแบบสามารถติดริบบิ้นที่อกซ้าย หรือใส่ปลอกแขนสีดำเพื่อแสดงความอาลัยไว้ที่แขนซ้ายได้
4. กรณีร่วมถวายสักการะพระบรมศพ แต่งกายด้วยชุดสุภาพไว้ทุกข์สีดำ มีคอปก ไม่สวมกางเกงขาสั้น งดกางเกงยีนส์ ไม่สวมเสื้อแขนกุด ไม่สวมรองเท้าแตะ ผู้หญิงสวมกระโปรงหรือผ้าถุงคลุมเข่าสีดำเท่านั้น ยังมีสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ที่มีข้อแนะนำให้เตรียมติดตัวไปด้วย ได้แก่ ยาประจำตัว, อุปกรณ์กันแดด (สีสุภาพ) และควรเขียนชื่อ - เบอร์โทรญาติ ใส่ในกระเป๋าเด็กและผู้สูงอายุเพื่อป้องกันการพลัดหลง
5. เครื่องแต่งกายที่ควรหลีกเลี่ยง ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด รวมถึงมีลวดลายที่ไม่สุภาพ ลดการแต่งกายที่ไม่มิดชิด เพื่อคงความสุภาพ เสื้อผ้าไม่ควรมีการฉีกขาด หากทำได้ เนื่องจากเป็นช่วงไว้ทุกข์

การติดริบบิ้นไว้อาลัยควรติดอย่างไร ?
ในช่วงของการแต่งกายไว้ทุกข์ หากมีกรณีที่ไม่สามารถใส่ชุดดำได้ หรือต้องมีการสวมใส่ชุดเครื่องแบบ การติดริบบิ้นสีดำสามารถใช้เป็นสัญลักษณ์แทนการไว้อาลัยได้ ช่วยให้เกิดความสุภาพและเหมาะสมกับช่วงเวลา
ความหมายของริบบิ้นที่อกซ้าย เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอาลัยจากตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับหัวใจ ลักษณะของริบบิ้นจะมีทั้งเป็นโบว์ผูกสีดำและริบบิ้นไขว้สีดำ ส่วนตำแหน่งที่ติดนั้นสามารถติดที่ด้านซ้ายในตำแหน่งที่สะดวก ได้แก่ อกด้านซ้าย แขนเสื้อด้านซ้าย (ลงจากไหล่มาประมาณ 2 นิ้ว) และปกเสื้อด้านซ้าย
สรุปแนวทางการไว้อาลัยมีข้อปฏิบัติอะไรบ้าง ?
ผลหลังจากประชุมครม. มีกำหนดกรอบระเบียบการไว้ทุกข์สำหรับหน่วยงานราชการ - รัฐวิสาหกิจ และประชาชน โดยกำหนดเป็นการขอความร่วมมือตามความเหมาะสม และมีข้อปฏิบัติดังนี้
1. ลดธงลงครึ่งเสา โดยกำหนดให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่งลดธงลงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. เป็นต้นไป
2. แต่งกายไว้ทุกข์ ขอให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ โดยมีกำหนด 1 ปี สำหรับประชาชนทั่วไปขอความร่วมมือแต่งกายไว้ทุกข์เป็นเวลา 90 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. เป็นต้นไป
3. กิจกรรมงานรื่นเริงปรับตามความเหมาะสม ขอความร่วมมือพิจารณาปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับบรรยากาศ โดยไม่มีมติห้ามเอกชนจัดงาน หรือมีคำสั่งห้ามหรือระงับกิจกรรมเป็นการเฉพาะ กรณีที่มีการเตรียมงานไปแล้ว ขอให้ปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับกาลเทศะและสมพระเกียรติ ส่วนกรณียังไม่ได้ดำเนินการให้พิจารณาเลื่อน มีข้อแนะนำให้กิจกรรมสาธารณะควรเปิดด้วยการยืนสงบนิ่ง 1 นาที พร้อมกล่าวแสดงความอาลัยอย่างเหมะสม
4. สถานศึกษางดจัดเฉพาะกิจกรรมรื่นเริง รวมถึงงานสังสรรค์ เช่น งานเลี้ยงศิษย์เก่า งานแสดงความยินดีรับ - ส่ง ขณะที่ยังคงให้จัดงานกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาได้ในหลักสูตรและกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น งานกีฬาสี งานประกวดต่าง ๆ รวมถึงงานประเพณี สามารถจัดได้โดยปรับรูปแบบตามความเหมาะสมเช่นกัน
การกล่าวแสดงความอาลัยพร้อมคำราชาศัพท์ที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร ?
สำนักงานราชบัณฑิตยสภา เผยแพร่ถึงถ้อยคำแสดงความอาลัย ที่เหมาะสม โดยประมวลจากหนังสือ ราชาศัพท์ที่ใช้ในโอกาสต่าง ๆ ฉบับราชบัณฑิตยสภา มีรายละเอียดตัวอย่างประโยคดังนี้
เสด็จสู่สวรรคาลัย ผองพสกนิกรชาวไทยน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์
ข้าพระพุทธเจ้า ....................................
เสด็จสู่ฟากฟ้าสุราลัย พระมหากรุณาธิคุณจารึกในใจไทยชั่วกาล
ข้าพระพุทธเจ้า ....................................
สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาท
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า ....................................
พระเสด็จสู่แดนสรวง ไทยทั้งปวงน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์
ข้าพระพุทธเจ้า ....................................
ร้อยรวมดวงใจไทยทั่วหล้า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า ....................................
สถิตกลางใจประชาราษฎร์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์
ข้าพระพุทธเจ้า ....................................
ทั้งนี้ การระบุชื่อของผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนั้น ให้ระบุชื่อบุคคล หรือชื่อตำแหน่ง (ถ้ามี) หรือชื่อคณะบุคคล หน่วยงาน โดยระบุชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง หรือระบุชื่อตำแหน่งพร้อมชื่อคณะบุคคลก็ได้ เช่น ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร และพนักงาน(ชื่อหน่วยงาน) เป็นต้น
ขั้นตอนและกำหนดการร่วมถวายสักการะพระบรมศพ
จากประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง การถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 26 ตุลาคม 2568 ซึ่งทางสำนักพระราชวัง อนุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์
กำหนดการถวายสักการะพระบรมศพ ทางกรุงเทพมหานคร ได้เผยแพร่กำหนดการ ช่วงเวลาที่ประชาชนสามารถเข้าถวายสักการะพระบรมศพได้ ดังนี้
ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 ทุกวัน เวลา 08.30 - 16.00 น.
ประชาชนเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์และลงนามถวายความอาลัย ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 ทุกวัน เวลา 09.00 - 21.00 น.
ประชาชนเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ขั้นตอนการร่วมสักการะพระบรมศพ ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2568 เวลา 08.30 - 16.00 น. ทั้งนี้ ขั้นตอนกำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงสามารถติดตามได้จาก Facebook : กรุงเทพมหานคร (https://www.facebook.com/bangkokbma)
1. ประชาชนเมื่อเข้าสู่ท้องสนามหลวงแล้วให้ไปผ่านจุดคัดกรอง บริเวณฝั่งอาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง)
2. นั่งรอที่เต็นท์จุดพักคอยตามลำดับคิว
3. เจ้าหน้าที่จะพาลงไปที่อุโมงค์หน้าพระลาน บริเวณทางลง ประตู 1 ซึ่งจะมีเก้าอี้ไว้บริการ รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและตรวจสอบความเหมาะสมของเครื่องแต่งกาย
4. เจ้าหน้าที่จะพาไปยังจุดคัดกรอง บริเวณประตูมณีนพรัตน์ ทางเข้าพระบรมมหาราชวัง
5. ผ่านจุดตรวจค้นสัมภาระ และเครื่องสแกน จากนั้นพักรอบริเวณเต็นท์ด้านหน้าศาลาสหทัยสมาคม เพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์
6. เมื่อสักการะพระบรมศพเรียบร้อยแล้วให้ออกทางออกบริเวณประตูวิมานเทเวศร์

อ้างอิง
- กรุงเทพมหานคร
- สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
- สำนักพระราชวัง



















