Government Shutdown ของสหรัฐอเมริกาในรอบนี้ ทำให้ทาง FAA ได้ออกมาประกาศลดจำนวนเที่ยวบินและการปล่อยจรวดในน่านฟ้าของสหรัฐอเมริกาลงเพื่อให้สอดคล้องต่อจำนวนพนักงานที่ไม่เพียงพอ ซึ่ง ณ ขณะนี้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมวลรวมในประเทศอย่างรุนแรง
จากรายงานระบุว่าสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐ (Federal Aviation Administration หรือ FAA) ได้สั่งลดจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศลงร้อยละสี่ในระยะแรก ครอบคลุมสนามบินหลักกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเตรียมขยายการลดเที่ยวบินเพิ่มเป็นร้อยละสิบภายในสัปดาห์หน้า หากรัฐบาลยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณได้ และมีแนวโน้มจะเพิ่มถึงร้อยละ 20 หากภาวะขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน (Air Traffic Controllers) ยังคงรุนแรงขึ้น
ข้อมูลจากระบบติดตามเที่ยวบิน FlightAware ชี้ว่าภายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการยกเลิกเที่ยวบินไปแล้วมากกว่า 1,500 เที่ยว และล่าช้าอีกหลายพันเที่ยวบินทั่วประเทศ สนามบินหลักหลายแห่ง เช่น แอตแลนตา ชิคาโก และเดนเวอร์ ประสบปัญหาความแออัดของการจราจรทางอากาศ โดยมีระยะเวลารอขึ้นลงเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงกว่า 280 นาที ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสารและเสถียรภาพของระบบการขนส่งทางอากาศ
ในฟากส่วนของอุตสาหกรรมอวกาศ ทาง FAA เองก็ได้ออกมาตรการจำกัดการปล่อยจรวดเชิงพาณิชย์ (Commercial Space Launches) โดยอนุญาตให้ดำเนินการยิงจรวดและลงจอดของเฉพาะในช่วงเวลานอกชั่วโมงเร่งด่วนเท่านั้น อันได้แก่ระหว่างเวลา 22.00–06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อสอดรับกับจำนวนเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินและลดความหนาแน่นของการบริหารน่านฟ้า ทำให้จรวดบางเที่ยวบินที่จำเป็นต้องปล่อยในช่วงเวลาที่กำหนดในช่วงกลางวัน มีการชะลอการปล่อยอย่างไม่มีกำหนด และหลาย ๆ เที่ยวบินมีความจำเป็นต้องเลื่อนตารางการปล่อยดาวเทียมหรือยานสำรวจออกไป ส่งผลให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมอวกาศตั้งแต่ผู้ให้บริการจรวดไปจนถึงซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนต้องชะลอแผนการดำเนินงานตามไปด้วย

สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (Congressional Budget Office หรือ CBO) ประเมินว่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการชัตดาวน์ในแต่ละสัปดาห์มีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 486,000 ล้านบาท แม้ว่าหน่วยงานของรัฐจะปิดทำการ และช่วงระยะเวลานี้ลูกจ้างของรัฐจะไม่ได้รับค่าจ้างในการทำงาน แต่ว่าบุคลากรที่จำเป็นต่อความปลอดภัยและการคุ้มครองทรัพย์สิน เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่แพทย์ และนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติ คนกลุ่มนี้ต้องทำงานต่อ แต่ยังไม่ได้รับค่าจ้างจนกว่ารัฐบาลจะกลับมาเปิดทำการ แม้ว่าพนักงานที่ทำงานในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับเงินค่าจ้างย้อนหลัง ซึ่งต่อกิจกรรมภายในประเทศของสหรัฐอย่างมาก
ขณะนี้อุตสาหกรรมการบินเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดทำการของรัฐบาลมากที่สุด และเข้าสู่จุดวิกฤตของการดำเนินงานแล้ว การปรับลดจำนวนเที่ยวบินบนท้องฟ้าเพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนเจ้าหน้าที่ดูแลทางอากาศจึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่สะท้อนต่อปัญหานี้ ซึ่งภาคการท่องเที่ยว โรงแรม และสนามบินในเมืองหลักก็ได้รับผลกระทบจากการลดลงของจำนวนผู้โดยสาร รวมถึงธุรกิจค้าปลีกและการขนส่งสินค้าที่ต้องเผชิญความล่าช้าในการจัดส่งและการเพิ่มขึ้นของต้นทุน
สุดท้ายแล้วการหยุดทำการของรัฐบาลสหรัฐนั้นเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความเชื่อมโยงเชิงโครงสร้างระหว่างภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ ซึ่งไม่ใช่ว่าเมื่อรัฐบาลกลับมาทำการแล้วทุกอย่างกลับมาเป็นปกติในทันที แต่ยังต้องใช้เวลาในการจัดการและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของระบบการทำงานของรัฐบาลอีกระยะหนึ่ง ซึ่งสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับรัฐบาลกลางของสหรัฐในเวลาที่ย่ำแย่อยู่แล้ว
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















