เมื่อใกล้ถึงช่วงสิ้นปี หลายคนคงรอฉลองและซึมซับบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาส (Christmas) กัน แต่คริสต์มาสสำหรับชาวคาทอลิกและออร์ทอดอกซ์นั้น ไม่ได้จัดขึ้นในวันเดียวกัน
คริสต์มาส ถือเป็นเทศกาลสำคัญในคริสต์ศาสนาเพื่อระลึกถึงการประสูติของพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นตัวแทนของพระเจ้าในการช่วยให้มนุษย์พ้นจากบาป ในคติของชาวคริสต์ วันคริสต์มาสมีความสำคัญรองจากวันอีสเตอร์ (Easter – วันคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์) แต่ได้รับการฉลองอย่างกว้างขวางมากกว่าทั้งในหมู่ชาวคริสต์เองหรือคนในศาสนาอื่น ๆ จากการดัดแปลงธรรมเนียมศาสนาให้เป็นฆราวาสและกระแสโลกาวิวัฒน์ เราจึงเห็นหุ่นซานตาคลอส ต้นคริสต์มาส การแลกของขวัญ หรือบทเพลงสรรเสริญต่าง ๆ เป็นต้น
แม้เราจะคุ้นเคยกันว่า วันคริสต์มาสจะตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี แต่ชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและออร์ทอดอกซ์ฉลองคริสต์มาสไม่ตรงกัน อีกทั้งยังมีรายละเอียดหลายอย่างที่ต่างออกไปด้วย

‘ระบบปฏิทิน’ กับการกำหนดวันคริสต์มาสของ 2 นิกาย
อย่างที่กล่าวไปตอนต้น เทศกาลคริสต์มาสระลึกถึงการประสูติของพระเยซูคริสต์ แต่ไม่ได้หมายความว่า พระองค์จะประสูติในวันนั้น เป็นเพราะว่า ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์หรือบันทึกทางศาสนาใด ๆ ที่ระบุถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกกำหนดให้ 25 ธันวาคม เป็นวันคริสต์มาส หลังจากที่ปี ค.ศ. 1582 สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 (Pope Gregory XIII) ทรงตัดสินพระทัยให้สร้าง ‘ปฏิทินเกรกอเรียน (Gregorian calendar)’ ที่แม่นยำกว่าและอิงจากการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ – โดยคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงเพียง 26 วินาที – เพื่อให้แน่ใจว่า วันอีสเตอร์จะตรงกับวันวสันตวิษุวัต (spring equinox) หรือช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิราว ๆ วันที่ 20 หรือ 21 มีนาคมของทุกปี

อีกทฤษฎีหนึ่งที่ใช้อธิบายการเลือกวันที่ 25 ธันวาคมให้เป็นวันคริสต์มาสคือ พระเยซูเจ้าทรงปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระแม่มารี (Mary) ในวันที่ 25 มีนาคม – ซึ่งเป็นวันวสันตวิษุวัตตามธรรมเนียมยุคโรมัน – หากเป็นเช่นนี้ พระองค์ก็จะประสูติในวันที่ 25 ธันวาคม หรือ 9 เดือนให้หลังพอดิบพอดี
ส่วนชาวคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ในประเทศยุโรปตะวันออกหลายแห่ง รัสเซีย และชุมชนบางส่วนในแอฟริกานั้น ฉลองคริสต์มาสในวันที่ 7 มกราคมของทุกปี คริสต์ศาสนานิกายนี้ใช้ ‘ปฏิทินจูเลียน (Julian calendar)’ ซึ่งคิดค้นขึ้นในยุคโรมันโดยจูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) ราว 46 ปีก่อนคริสตกาล แม้จะอิงการโคจรรอบดวงอาทิตย์เหมือนปฏิทินเกรกอเรียน แต่ก็คำนวณเวลาต่อปีเกินมา 11 นาที ทำให้วันตามปีปฏิทิน เคลื่อนไปเรื่อย ๆ ระดับสหัสวรรษ คาดว่าในปี 2100 วันคริสต์มาสออร์ทอดอกซ์จะเลื่อนเป็นวันที่ 8 มกราคม
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน ประเทศที่นับถือคริสต์ศาสนานิกายออร์ทอดอกซ์ เช่น กรีซ และยูเครน ต่างเปลี่ยนมาฉลองวันคริสต์มาสอีฟและคริสต์มาสทุกวันที่ 24-25 ธันวาคมของทุกปี โดยศาสนจักรออร์ทอดอกซ์ในกรีซเปลี่ยนมาใช้ปฏิทินเกรกอรีตั้งแต่ปี 1923 ส่วนยูเครนนั้นเพิ่งเปลี่ยนวันฉลองคริสต์มาสในปี 2023 เพื่อถอยห่างตัวเองจากวัฒนธรรมรัสเซียหลังเกิดสงครามเต็มรูปแบบในปี 2022

หลากธรรมเนียมคริสต์มาสฉบับ ‘คาทอลิก’ และ ‘ออร์ทอดอกซ์’
หลักใหญ่ใจความของธรรมเนียมคริสต์มาสในหมู่ชาวคาทอลิกและออร์ทอดอกซ์ อยู่ที่การรวมตัวกันของผู้คนในครอบครัว และการระลึกถึงพระเยซูคริสต์ที่ทรงสละพระชนม์ชีพบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์ แต่ก็มีกิจกรรมธรรมเนียมที่ต่างกันออกไป
ช่วงก่อนวันคริสต์มาส นอกจากการตระเตรียมต้นสน (ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม) และการตกแต่งบ้านอาคารแล้ว ชาวคริสต์นิกายคาทอลิกมักจะเตรียมพวงมาลาอัดเว้นท์ (Advent wreaths) ในช่วงอัดเว้นท์ หรือเทศกาลเตรียมรับพระเยซูคริสต์ก่อนคริสต์มาส บนพวงมาลาจะมีเทียน 4 เล่มปักอยู่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง สันติภาพ ความสุข และความรัก ตามลำดับ ปัจจุบัน จะจุดเทียนทุกวันอาทิตย์ช่วงอัดเว้นท์เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ซึ่งปรับจากธรรมเนียมเดิมที่จุดเทียนบนพวงมาลาวันละเล่ม ระหว่างวันที่ 1-24 ธันวาคม

โบสถ์และสถานที่อื่น ๆ ก็จัดฉากจำลองเหตุการณ์การประสูติของพระเยซูคริสต์ (Nativity) เพื่อรับเทศกาลคริสต์มาสด้วยเช่นกัน ส่วนในคืนก่อนวันคริสต์มาส (Christmas Eve) คริสต์ศาสนิกชนหลายคนไปร่วมพิธีมิสซาเที่ยงคืนต้อนรับให้จิตใจได้สงบในวันมงคล และเทศกาลคริสต์มาสจะยาวไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเป็นวันสมโภชพระคริสต์แสดงองค์ (Epiphany) หรือวันที่พระเยซูคริสต์ทรงปรากฏพระองค์ต่อโลกเป็นครั้งแรก

ส่วนชาวคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ที่ยึดถือปฏิทินจูเลียนนั้น จะถือศีลอดเป็นเวลา 40 วันก่อนวันคริสต์มาส และไม่บริโภคเนื้อสัตว์ในช่วงดังกล่าว เมื่อประกอบพิธีมิสซาเที่ยงคืนเสร็จในคืนวันที่ 6 มกราคม ผู้คนจะรวมตัวกับเพื่อนและครอบครัวและกินอาหารชุดใหญ่ 12 เมนู ตามจำนวนของอัครสาวก 12 องค์ของพระเยซูคริสต์ บางประเทศจะเสิร์ฟ ‘กูเทีย (kutia)’ ซึ่งประกอบด้วยธัญพืชต่าง ๆ และน้ำผึ้ง ให้เป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวและ/หรือการทำเกษตรอีกด้วย และเทศกาลคริสต์มาสของพวกเขา จะไปสิ้นสุดในวัน Epiphany หรือ 19 มกราคม

ธรรมเนียมเฉพาะอีกอย่างหนึ่งในหมู่ชาวคริสต์ออร์ทอดอกซ์ที่กรีซ ไซปรัส และบัลแกเรีย คือ พระจะโยนไม้กางเขนลงไปในแม่น้ำหรือทะเล แล้วให้ผู้ศรัทธาดำน้ำงมหาไม้กางเขนนั้นขึ้นมาในวัน Epiphany (6 มกราคม) นับเป็นพิธีกรรมที่เปรียบได้กับตอนที่พระเยซูคริสต์ทรงรับพิธีล้างจากยอห์น (John the Baptist) นั่นเอง

ไม่ว่าจะนับถือคริสต์นิกายไหนหรือศาสนาใด เทศกาลคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งความหวัง ความสามัคคี และการทำสิ่งดี ๆ ต่อกัน อีกทั้งทุกคนก็ควรรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเช่นนี้ในทุก ๆ วันด้วยเช่นกัน
สำรวจทุกเรื่องคริสต์มาส กับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องจากไทยพีบีเอส
- Santa Story รอบรู้เรื่อง “ลุงซานตาคลอส”
- เพราะอะไร ? “ใบต้นคริสต์มาส” จึงเปลี่ยนเป็นสีแดงในฤดูหนาว
- ทำไมเราจึงรู้สึกมีความสุขในช่วง “คริสต์มาส” ฉลองอย่างไรให้มีความสุขยิ่งขึ้น

อ้างอิง
- Advent: Eine Zeit der Hoffnung und Besinnung – อัดเว้นท์ – Advent: A Season of Hope and Reflection, German Embassy Bangkok
- Breaking with tradition, Ukrainians celebrate Christmas on Dec. 25 this year, NPR
- Christmas, Britannica
- Feast of the Baptism of the Lord, Vatican News
- Orthodox Christmas: Why do some people celebrate Christmas on 7 January, BBC
- The Christian Church: Festivals – CCEA – Christmas, BBC Bitesize
- What Is the Christian Holiday of Epiphany?, History
- Why do some Orthodox Christians celebrate Christmas in January?, Euronews
- Why some people celebrate Christmas in January, National Geographic
ภาพปก: Ahmed Hasan, Andreas Solaro, Tiziana Fabi, Robert Atanasovski/AFP
เล่าอดีต บันทึกปัจจุบัน รอบรู้ทุกวัน กับ Thai PBS On This Day: www.thaipbs.or.th/OnThisDay



















