7 คนดังสายเลือดจีนผู้ประสบความสำเร็จในเวทีโลก


Lifestyle

24 ม.ค. 66

สันทัด โพธิสา

Logo Thai PBS
7 คนดังสายเลือดจีนผู้ประสบความสำเร็จในเวทีโลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ประเทศจีน” ถูกยกให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ทรงอิทธิพลของโลก ด้วยเหตุที่มีประชากรจำนวนมาก และมีบุคลากรที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายวงการ 

ในบรรยากาศของเทศกาลตรุษจีน ไทยพีบีเอส ขอรวบรวมเรื่องราวของ “7 คนดังสายเลือดมังกร” ที่ผลงานและธุรกิจของพวกเขา เป็นที่รู้จักต่อผู้คนทั่วโลก มาบอกเล่ากัน…

“สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน

เอ่ยชื่อ “สี จิ้นผิง” ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือผู้นำทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลกปัจจุบัน สี จิ้นผิงในวัย 69 ปี เป็นลูกชายของ “สี จงชุน” อดีตรองนายกรัฐมนตรีจีน เขาขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ กระทั่งในปี 2012 ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของจีนในที่สุด 

“จีน” ในการบริหารของสี จิ้นผิง กลายเป็นประเทศที่มีความร่วมสมัย และก้าวไปกับความเปลี่ยนแปลงของโลก เขา “ปรับเปลี่ยน” ประเทศ พร้อมทั้งพยายาม “เปิด” ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแก้กฎหมายกีดกันทางการค้า สนับสนุนการพัฒนาของบริษัทเอกชน และเมกะโปรเจกต์ Belt and Road Initiatives อันเป็นความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับต่างชาติกว่า 150 ประเทศ

ล่าสุด สี จิ้นผิงเพิ่งได้รับการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยที่ 3 โดยเป็นผู้นำจีนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งติดต่อกันถึง 3 สมัย และทำหน้าที่ประธานาธิบดียาวนานถึง 15 ปี ประการสำคัญกว่านั้น คือการส่งพลังทำให้จีนกลายเป็น “มังกรที่ต้องจับตา” และเต็มไปพลังต่อรองในเวทีการเมืองโลกปัจจุบัน

“แจ็ค หม่า” ผู้ร่วมก่อตั้งอาลีบาบากรุ๊ป

จาก “ครูสอนภาษาอังกฤษ” แต่ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ทำให้ “แจ็ค หม่า” กลายเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจอี-คอมเมิร์ชระดับโลกที่ชื่อ “อาลีบาบา” 

โดยหากย้อนเวลากลับไป แจ็ค หม่า หรือชื่อจริงว่า “หม่า หยุน” เป็นชาวเมืองหางโจว ประเทศจีน ด้วยความชื่นชอบภาษาอังกฤษเป็นเดิมทุน เขาลงทุนขี่จักรยานกว่า 45 นาทีในทุก ๆ เช้า เพื่อไปพูดคุยกับชาวต่างชาติ โดยทำหน้าที่เป็นไกด์พาเที่ยวชมเมืองหางโจว เพื่อเป็นการฝึกภาษาไปในตัว

ต่อมาในปี 1995 แจ็ค หม่ามีโอกาสเดินทางไปยังเมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาได้ลองเซิร์ชหาชื่อสินค้าที่มาจากประเทศจีน ซึ่งทำให้พบว่า แทบไม่มีผลการค้นหาใด ๆ จึงเป็นที่มาให้เขาและเพื่อน ๆ รวมกลุ่มกันก่อตั้งธุรกิจอี-คอมเมิร์ชชื่อ Alibaba (อาลีบาบา) ด้วยเงินทุนเพียง 2 ล้านบาท 

แจ็ค หม่าสร้างปรากฏการณ์ทางการตลาดให้โลกต้องจดจำ นั่นคือ การสร้างแคมเปญ “11.11” หรือวันช้อปปิ้งคนโสด ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก กระทั่งในปี 2019 เขาประกาศวางมือจากตำแหน่งประธานอาลีบาบา พร้อมกับส่งไม้ต่อให้กับ “แดเนียล จาง” รองประธานบริษัทดำรงตำแหน่งต่อไป พร้อมข่าวการผันตัวไปสนับสนุนโครงการด้านการศึกษา ซึ่งถือเป็นจุดแรกเริ่มในชีวิตของเขา

แต่ถึงอย่างนั้น ข่าวคราวของแจ็ค หม่า ยังเป็นที่สนใจต่อชาวโลก โดยเฉพาะเรื่องการหายตัวไปจากหน้าสื่อ จากการที่มีข่าวว่า เขามีปัญหากับรัฐบาลจีน

ไม่ว่าตัวตนในวันนี้ของแจ็ค หม่า จะดำรงอยู่สถานภาพแบบใด ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขายังได้รับความสนใจอยู่เช่นเดิม เพราะนี่คือหนึ่งในนักธุรกิจสายเลือดมังกรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก

“จาง อี้หมิง” ผู้ก่อตั้งอาณาจักร ByteDance

เอ่ยชื่อ “ByteDance” นี่คือบริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชันอันสุดโด่งดัง นามว่า “TikTok” ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแอปพลิเคชันสุดฮิตนี้ เป็นชายชาวจีนที่ชื่อ “จาง อี้หมิง”

จาง อี้หมิง เกิดเมื่อปี 1983 ที่มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน เขาเรียนจบทางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ก่อนจะผ่านการทำงานในบริษัทธุรกิจ Startup กระทั่งผันตัวมาเปิดบริษัทของตัวเองชื่อ ByteDance ในปี 2012 พร้อมกับปล่อยแอปพลิเคชันตัวแรกชื่อว่า Toutiao (โถ่วเถียว) เป็นแอปพลิเคชันรวบรวมข่าวสารที่จัดสรรข้อมูลโดย AI ให้กับผู้ใช้บริการ

ผลจากการศึกษาข้อมูลจาก AI ทำให้ในปี 2016 จาง อี้หมิงเปิดตัวแอปพลิเคชันอีกตัวที่ชื่อว่า “TikTok” มันเป็นแอปพลิเคชันผลิตวิดีโอสั้นที่ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาจัดสรรคอนเทนต์ แถมยังเป็นคอนเทนต์ที่เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน

ผลปรากฏว่า TikTok ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนปัจจุบันบริษัท ByteDance เติบโตและมีมูลค่าทางธุรกิจกว่า 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากฝีมือของอดีตวิศวกรหนุ่มชาวจีน โดยครั้งหนึ่ง จาง อี้หมิงได้เผยเคล็ดลับความสำเร็จของเขาแบบสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า จงเรียนรู้และหาคำตอบของความสำเร็จ ด้วยการ "ลงมือทำ"

“หวัง ชวนฟู” ซีอีโอค่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD

“รถยนต์ไฟฟ้า” มาแรงและกำลังเพิ่มความนิยมสูงขึ้นในประเทศไทย มีค่ายรถยนต์มากหน้าหลายตาเข้ามาทำการตลาด และหนึ่งในแบรนด์ที่มาแรงเอามาก ๆ นั่นคือ “BYD” แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่มีผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จชื่อ “หวัง ชวนฟู”

หากย้อนชีวิตของซีอีโอสายเลือดมังกรผู้นี้ เขาเติบโตในครอบครัวชาวนาฐานะยากจน ณ มณฑลอายฮุย แต่ด้วยความขยัน และความมุมานะ หวัง ชวนฟูสามารถเรียนจบระดับปริญญาตรีด้านเคมีฟิสิกส์ และต่อปริญญาโทด้านวัสดุภัณฑ์ จากสถาบัน Beijing Non-Ferrous Research Institute

หวัง ชวนฟู ผ่านงานมาหลายอย่าง ก่อนจะเริ่มต้นสร้างอาณาจักรของตัวเอง ด้วยการเปิดบริษัทผลิตแบตเตอรี ในนามว่า “BYD Battery” ซึ่งมีพนักงานแรกเริ่มเพียง 20 คน ก่อนจะเติบโตกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรีมือถือรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก

ภาพจาก Twitter Wang Chuanfu

หวัง ชวนฟู นำอาณาจักร BYD เข้าสู่ตลาดยานยนต์ ก่อนจะรีแบรนด์ใหม่เป็น BYD Auto และเข้าสู่วงจรการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว พร้อมกับมียอดขายที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อปี 2022 สามารถทำยอดขายแซงหน้าเจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla โดยในครึ่งปีแรก BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้าไปได้กว่า 641,000 คัน ส่วน Tesla ขายไปได้เพียง 564,000 คันเท่านั้น

 BYD กำลังเดินหน้าสร้างความสำเร็จต่อไป เพราะนอกจากสินค้าแบตเตอรี หรือรถยนต์ไฟฟ้า ยังมีไลน์การผลิตส้นค้าอื่น ๆ อาทิ อุปกรณ์โซลาร์เซลล์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์มือถือ ฯลฯ ทั้งหมดเป็นความสามารถของชายที่ชื่อ หวัง ชวนฟู อดีตลูกชาวจีนที่ยากจน แต่ต่อสู้จนพาตัวเองก้าวมาไกลขนาดนี้ ซึ่งที่มาของชื่อแบรนด์ BYD นั้นมาจากคำย่อที่ว่า “Build Your Dream” หรือการสร้างความฝันของคุณให้สำเร็จให้จงได้นั่นเอง

“เหลย จุน” ซีอีโอแห่ง Xiaomi 

ซีอีโอคนนี้ถูกตั้งฉายาให้ว่าเป็น “สตีฟ จ็อบ แห่งแดนมังกร” โดยฉายาดังกล่าว เป็นผลมาจากการลงมือสร้างอาณาจักรธุรกิจแห่งอนาคต นามว่า Xiaomi ซึ่งมีคอนเซปต์ “ทำสินค้าคุณภาพดีในราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้”

ย้อนเวลากลับไป เหลย จุน เกิดที่เมืองเซียนเถา มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เขาจบปริญญาตรีด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และสนใจเรื่องเทคโนโลยีมาตั้งแต่เยาว์วัย เหลย จุนเริ่มต้นทำงานกับบริษัทซอฟต์แวร์และเกมออนไลน์ Kingsoft ของจีนมาตั้งแต่ปี 1992 พร้อมก่อตั้งเว็บไซต์ของตัวเองในชื่อ Joyo.com

ภาพจาก Twitter Lei Jun

ในปี 2010 เหลย จุน ก่อตั้งบริษัท Xiaomi ขึ้นมา พร้อมสร้างกระแสทำยอดจองโทรศัพท์มือถือรุ่นแรก MI จำนวนกว่า 3 แสนเครื่อง ในเวลา 34 ชั่วโมง โดยจุดแข็งของ Xiaomi คือการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ช ซึ่งมีทั้งความสะดวก และไม่มีต้นทุนหน้าร้าน 

จากวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ส่งให้ Xiaomi กลายเป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายที่มีอุปกรณ์ IoT (Internet of Thing) มากที่สุดในโลก โดยมีอุปกรณ์ IoT ที่ใช้งานอยู่ราว 171 ล้านเครื่องทั่วโลก (ณ เดือนมีนาคม 2019) ทั้งหมดเกิดจากความสามารถของซีอีโอชาวจีนที่ชื่อ เหลย จุน จนนิตยสารฟอบส์เอเชีย ยกย่องให้เป็นนักธุรกิจแห่งปี 2014 มาแล้ว

“ซือ มู่หลิว” ฮีโร่เลือดมังกรบนเวทีฮอลลีวูด 

จากชีวิต “พนักงานบัญชี” ผู้ชายคนนี้ตัดสินใจลาออกจากงาน พร้อมกับตามล่าฝันที่อยากเป็นนักแสดง ไม่น่าเชื่อว่า จากนักแสดงตัวประกอบเล็ก ๆ เมื่อสิบปีก่อน ในวันนี้ ซื่อ มู่หลิว ก้าวขึ้นเป็นนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูด จากผลงานอันโด่งดังเรื่อง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings 

ซือ มู่หลิว เกิดที่เมืองฮาร์บิน ประเทศจีน ก่อนที่ครอบครัวจะอพยพมาอยู่ที่ประเทศแคนาดาเมื่อเขาอายุได้ 5 ขวบ ซือ มู่หลิวสำเร็จการศึกษาที่ University of Western Ontario พร้อมกับเข้าทำงานเป็นนักบัญชี แต่ในเวลาต่อมา เขาถูกเลิกจ้าง และตัดสินใจมาเป็นนักแสดงอาชีพ 

ในปี 2012 ซือ มู่หลิวเริ่มต้นด้วยการเป็นนักแสดงตัวประกอบ ก่อนที่ในปีถัดมา จะมีโอกาสร่วมงานหนังฟอร์มยักษ์เรื่อง Pacific Rim ซึ่งเจ้าตัวเคยเล่าว่า เขาเดินทางไปถึงกองถ่ายเวลาตี 4 ทุกวัน และรับเงิน 11 เหรียญต่อชั่วโมง ซึ่งน้อยกว่าตอนที่ทำงานเป็นพนักงานบัญชีหลายเท่า แต่นั่นคือความรักความชอบที่แท้จริง หนำซ้ำเขายังหาเวลาไปเรียนการแสดงเพิ่มเติมในช่วงกลางคืนอีกด้วย

ภาพจาก Twitter Simu Liu

หลังจากเวียนว่ายในฮอลลีวูดอยู่เกือบสิบปี ในที่สุด ซือ มู่หลิวก็ได้โอกาสสำคัญ โดยได้รับบทนำในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel Comics เรื่อง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ภายหลังผลงานได้รับการพูดถึงอย่างมาก ส่งผลให้ ซือ มู่หลิว กลายเป็นฮีโร่คนใหม่ของจักรวาลหนังมาร์เวลไปโดยปริยาย

ค่าตัวปัจจุบันของพระเอกนักบู๊คนนี้อยู่ที่ราว ๆ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แถมยังกำลังเป็นดาวเด่นที่ผู้กำกับมากมายอยากดึงตัวไปร่วมงาน ทั้งหมดเป็นผลจากความพยายาม และการพัฒนาตัวเอง ทำให้พนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่ง กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ครองใจแฟนหนังทั่วโลก

แจ็คสัน หวัง ป็อปสตาร์ที่ประกาศตัวในความเป็น “ชาวจีน”

ภาพจาก Facebook Jackson Wang

 ชื่อ “แจ็คสัน หวัง” คือซูเปอร์สตาร์มาแรงที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จัก แถมเจ้าตัวยังประกาศเสียงดังฟังชัดว่า เขาคือศิลปินเชื้อสายจีน แม้ว่าจะเกิดและเติบโตในฮ่องกงก็ตาม

 แจ็คสัน หวัง มีชื่อจริงว่า “หวัง กาอี๋” เกิดที่เกาลูน ฮ่องกง เขามีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟันดาบทีมชาติจีน และคุณแม่ที่เป็นอดีตนักยิมนาสติกทีมชาติจีนเช่นกัน เป็นเหตุให้ในวัยเด็ก แจ็คสัน หวัง เจริญรอยตามด้วยการเป็นนักกีฬาฟันดาบในนามทีมฮ่องกง

จนเมื่ออายุ 17 ปี แจ็คสัน หวังตัดสินใจเดินทางมายังเกาหลีใต้ เพื่อเป็นศิลปินฝึกหัดภายใต้สังกัด JYP Entertainment เขาใช้เวลากว่า 3 ปี จนได้เปิดตัวเป็นศิลปินครั้งแรกในนาม GOT7 ต่อมาในปี 2017 เขาเริ่มออกผลงานเดี่ยวของตัวเอง และก่อตั้งค่ายเพลงของตัวเองในประเทศจีน ในชื่อว่า Team Wang 

แจ็คสัน หวัง ถือเป็นปรากฎการณ์หนึ่งของวงการเพลงยุคใหม่ เมื่อตอนที่เขาออกซิงเกิลเดี่ยวเพลงแรก “Papillon” เมื่อปี 2017 ยอดวิวพุ่งสูงถึง 3 ล้านวิวภายใน 2 วัน ด้วยผลงานอันเป็นที่ยอมรับ ส่งให้เขากลายเป็นศิลปินเอเชียที่ติดอันดับใน American itunes Hip Hop Chart และติดอันดับใน Billboard Emerging Artists ในปี 2019 

แจ็คสัน หวังยังคงผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง นี่คือความภาคภูมิใจในฐานะชาวเอเชีย และในฐานะศิลปินสายเลือดมังกร ที่ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในโลกแห่งเสียงเพลง

มีผู้คนที่ประสบความสำเร็จมากมายบนโลกใบนี้ และไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด หลักการสำคัญที่ทำให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ คือการลงมือทำ มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้...

อ้างอิง:

www.bbc.com/news/world-asia-pacific-11551399

www.jagranjosh.com/general-knowledge/jack-ma-biography-1589805175-1

www.buildd.co/startup/founder-stories/zhang-yiming 

www.successstory.com/people/wang-chuanfu 

www.forbes.com/profile/lei-jun/?sh=17c5be2d6e64

www.xiaomiui.net/lei-juns-life-and-his-story-7875/ 

www.asianjournalusa.com/simu-liu-from-bank-teller-to-marvel-superstar

   

แท็กที่เกี่ยวข้อง

คนดังชาวจีนชาวจีนผู้มีชื่อเสียงคนดัง
สันทัด โพธิสา
ผู้เขียน: สันทัด โพธิสา

เจ้าหน้าที่เนื้อหาออนไลน์อาวุโส Thai PBS สนใจความเคลื่อนไหวของสังคม ผู้คน และเทรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ และรวมถึงเป็นสมาชิกทาสแมวมายาวนาน

บทความ NOW แนะนำ