ในยุคที่โรคระบาดหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นโควิด-19 หรือไข้หวัดใหญ่ การดูแลสุขภาพและเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงจึงเป็นเรื่องสำคัญ แทนที่จะรอให้ป่วยแล้วค่อยรักษา เราสามารถใช้อาหารและสมุนไพรไทยที่มีอยู่รอบตัวมาเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายได้อย่างธรรมชาติ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับวิธีเสริมภูมิคุ้มกันด้วยอาหารไทยพื้นบ้าน ที่ใช้สารอาหารธรรมชาติที่ธรรมชาติประทานให้เรา
เสริมภูมิคุ้มกันด้วยไก่ต้มยาจีน: อาหารบำรุงร่างกายแบบดั้งเดิม
ไก่ต้มยาจีนเป็นหนึ่งในอาหารบำรุงร่างกายที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ดีเยี่ยม เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะไม่สบาย เหนื่อย อ่อนเพลีย หรือภูมิต้านทานกำลังตกต่ำ อาหารจานนี้จะช่วยบำรุงและบำรุงพลังให้กับร่างกาย โดยเฉพาะเก๋ากี้ที่มีในยาจีนนั้นมีข้อดีในการช่วยเรื่องระบบตา สำหรับคนที่ใช้ตาเยอะและรู้สึกตาล้า
ส่วนผสมและวิธีทำไก่ต้มยาจีน
- ไก่: 1 ตัว สำหรับตุ๋น
- เครื่องยาจีน: ซื้อจากร้านยาจีนที่เชื่อถือได้ ล้างผ่านน้ำเบาๆ เพื่อไม่ให้มีฝุ่น
- เห็ดหอม: แช่น้ำไว้ให้นุ่ม
- พุทราแดง : ช่วยให้ความหวานธรรมชาติ
- เม็ดบัวแห้ง: เติมคุณค่าทางโภชนาการ
- มันไข่หรือมันส้ม: เพิ่มความหวานและคุณค่า
- ชะเอม: ช่วยทำให้ชุ่มคอ ดีสำหรับคนที่ไอหรือคอแห้ง<
- ขิง (ทางเลือก): ถ้ารู้สึกหนาวสั่นหรือจะไม่สบาย ใส่ขิงจะช่วยได้
วิธีทำ:
- ล้างเครื่องยาจีนผ่านน้ำเบาๆ
- ลวกไก่ในน้ำเดือดเพื่อทำความสะอาด (ไม่ต้องล้างไก่ดิบเพราะอาจทำให้แบคทีเรียกระจาย)
- ใส่ไก่ เครื่องยาจีน เห็ดหอม เมล็ดบัว พุทราแดง มัน และส่วนผสมอื่นๆ ลงในหม้อ
- ใส่น้ำให้ท่วม เมื่อน้ำเดือดให้เบาไฟลง แล้วปล่อยให้ตุ๋นช้าๆ
- ปรุงรสด้วยเกลือเท่านั้น ความหวานจะมาจากเครื่องยาและผลไม้แห้งที่ใส่ไป
เสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินซีจากผลไม้ไทย
เมื่อภูมิคุ้มกันตกต่ำ ร่างกายคนเรามักขาดวิตามินซี ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน แทนที่จะพึ่งพาวิตามินซีเม็ดที่ทำจากกรดแอสคอร์บิก เราควรหันมารับวิตามินซีจากผลไม้สดซึ่งจะได้ทั้งวิตามินซี กากใย โพลีฟีนอล และพฤกษาเคมีอื่นๆ ที่มาจากธรรมชาติ ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่า
ผลไม้ไทยที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
- มะขามป้อม: ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุด สูงกว่าฝรั่ง แม้รสชาติจะฝาดเล็กน้อย
- ฝรั่ง: มีวิตามินซีสูงแต่ไม่เปรี้ยวจัด ไม่หวานมาก เหมาะสำหรับคนกลัวน้ำตาล
- ชมพู่: มีวิตามินซี ดี และช่วยให้สดชื่น
- มะละกอ: มีวิตามินซีไม่น้อย และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
- ลิ้นจี่: มีโฟลิก แอซิดที่ดีต่อร่างกาย แต่ค่อนข้างหวาน ควรกินพอประมาณ
- เงาะ: มีฟอสฟอรัสและไฟเบอร์ ช่วยเสริมสร้างจุลินทรีย์ในลำไส้
- ส้มโอ: มีวิตามินซีและช่วยให้สดชื่น
- แตงโม: น้ำเยอะมาก เหมาะสำหรับคนที่กำลังไม่สบายและต้องการเติมน้ำในร่างกาย
สิ่งสำคัญ: วิตามินซีกลัวความร้อน ดังนั้นควรรับประทานผลไม้ในรูปแบบสดๆ เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้มากที่สุด การลวก นึ่ง หรือผัด จะทำให้วิตามินซีสูญเสียไป
เสริมภูมิคุ้มกันด้วยยำผลไม้วิตามินซีสูง
ยำผลไม้เป็นวิธีการรับประทานผลไม้ที่ช่วยเพิ่มรสชาติและความน่ารับประทาน โดยไม่ทำลายวิตามินซีด้วยความร้อน นอกจากนี้การใส่หอม ขิง พริก และสมุนไพรต่างๆ ยังช่วยเพิ่มคุณค่าในการดูแลสุขภาพอีกด้วย
สูตรยำผลไม้เสริมภูมิคุ้มกัน
ส่วนผสมผลไม้:
- ฝรั่งขาวและแดง
- ชมพู่
- มะละกอ
- มะขามป้อม (ฝานบางๆ เพื่อลดความฝาด)
- ส้มโอ
- ลิ้นจี่
- เงาะ
- แตงโม
น้ำยำ:
- หอมแดงซอย (ช่วยให้จมูกโล่ง)
- พริกขี้หนูสับ (ปรับตามความชอบ)
- น้ำปลา
- น้ำมะนาว (หรือส้มซ่า ส้มจี๊ด)
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำตาลเล็กน้อย (เพราะผลไม้หวานอยู่แล้ว)
- ผักชีและสะระแหน่สด (หรือมินต์)
วิธีทำ: คลุกผลไม้ทั้งหมดให้เข้ากัน ราดน้ำยำ โรยผักชีและสะระแหน่ รับประทานทันทีเพื่อรักษาวิตามินซีในผลไม้
ข้อดีของยำผลไม้คือเราสามารถหมุนเวียนผลไม้ได้ตามฤดูกาล วันนี้อาจใช้สับปะรดกับฝรั่ง พรุ่งนี้อาจเป็นมะละกอกับชมพู่ การหมุนเวียนผลไม้หลากหลายชนิดจะทำให้ไม่เบื่อและได้รับสารอาหารที่หลากหลาย
เสริมภูมิคุ้มกันด้วยเครื่องดื่มสมุนไพรไทย
นอกจากอาหารแล้ว เครื่องดื่มสมุนไพรก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะเมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบาย มีอาการเจ็บคอ คัดจมูก หรือรู้สึกเพลีย เครื่องดื่มเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการและเสริมภูมิต้านทานได้
น้ำขิงขมิ้นน้ำผึ้ง
ส่วนผสม:
- ขิงสดหั่นชิ้น (ใช้ขิงสด ไม่ใช่ขิงแห้ง เพื่อลดความร้อนจัด)
- ขมิ้นสดหั่นชิ้นเล็กน้อย (มีสารต้านอักเสบ)
- พริกไทยดำเล็กน้อย (ช่วยให้ร่างกายดูดซึมเคอร์คูมินจากขมิ้นได้ดีขึ้น)
- น้ำผึ้งแท้
- กานพลู (ทางเลือก - มีคุณสมบัติต้านอักเสบ)
- มินต์หรือสะระแหน่สด (ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจโล่ง)
- มะนาว (ทางเลือก - เพิ่มวิตามินซี)
วิธีทำ:
- ต้มน้ำให้เดือด ใส่ขิง ขมิ้น และพริกไทยดำ
- เคี่ยวประมาณ 10-15 นาที
- ปิดไฟ ใส่น้ำผึ้ง (ห้ามใส่ตอนน้ำเดือดเพราะจะทำลายคุณค่า)
- เทใส่แก้ว ใส่สะระแหน่หรือมินต์สด
- บีบมะนาวถ้าต้องการ
เกร็ดความรู้: น้ำผึ้งแท้มีสารต้านจุลินทรีย์ที่ไม่ดี มีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียและไวรัส จึงเป็นยาอายุรเวทธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม เด็กอายุต่ำกว่า 12 เดือนไม่ควรรับประทานน้ำผึ้ง
เสริมภูมิคุ้มกันด้วยสเปรย์พ่นคอสมุนไพรธรรมชาติ
เมื่อเริ่มเจ็บคอหรือคอแห้ง แทนที่จะรีบไปซื้อสเปรย์พ่นคอจากร้านขายยา ซึ่งอาจมีแอลกอฮอล์มากและทำให้คอแห้งยิ่งขึ้น เราสามารถทำสเปรย์สมุนไพรใช้เองได้ที่บ้าน
สูตรที่ 1: สเปรย์น้ำชาสมุนไพร
- น้ำชาชงแก่ๆ (มีสารต้านอักเสบ)
- เกลือ
- แอปเปิลไซเดอร์หรือน้ำส้มสายชูหมัก (มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ)
- น้ำมันหอมระเหยเปบเปอร์มินต์หรือสเปียร์มินต์ 4-5 หยด
- น้ำมันหอมระเหยเลมอนหรือส้ม
- น้ำผึ้งเล็กน้อย
ใส่ส่วนผสมทั้งหมดในขวดสเปรย์ เขย่าให้เข้ากัน ใช้ได้ภายในวันเดียว
สูตรที่ 2: สเปรย์แอลกอฮอล์สมุนไพร (เก็บได้นาน)
- แอลกอฮอล์ที่ดื่มได้
- กานพลู 2-3 เม็ด
- มะขามป้อมสดฝานบางๆ (ถ้ามี)
- น้ำมันหอมระเหยเลมอนหรือส้ม
แช่ส่วนผสมในขวดสเปรย์ รสชาติค่อนข้างเข้ม เหมาะสำหรับผู้ใหญ่
วิธีเสริมภูมิคุ้มกันเมื่อเริ่มไม่สบาย: เคล็ดลับเพิ่มเติม
นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ยังมีวิธีธรรมชาติอื่นๆ ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและบรรเทาอาการเมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบาย
- ดื่มน้ำเยอะๆ: การขาดน้ำทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ควรดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำผลไม้สด
- พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับให้มากเพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง
- กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ: เกลือมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ
- น้ำมะนาวผสมเกลือ: เมื่อเริ่มเจ็บคอ ช่วยฆ่าเชื้อและบรรเทาอาการ
- สูดไอน้ำร้อน: ช่วยให้ทางเดินหายใจโล่ง บรรเทาอาการคัดจมูก
- หั่นหอม: กลิ่นของหอมช่วยให้จมูกโล่ง บรรเทาอาการคัดจมูก
เสริมภูมิคุ้มกัน: จุลินทรีย์ในลำไส้กับภูมิต้านทาน
การมีระบบทางเดินอาหารที่ดีและจุลินทรีย์ในลำไส้ที่แข็งแรงมีความสำคัญต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น เงาะ และอาหารที่มีโปรไบโอติก จะช่วยเลี้ยงจุลินทรีย์ดีในลำไส้ เมื่อระบบทางเดินอาหารแข็งแรง ภูมิคุ้มกันก็จะดีตามไปด้วย ดังนั้นต้องดูแลให้ครบทุกภาคส่วนของร่างกาย
ข้อควรระวังในการเสริมภูมิคุ้มกัน
- ผลไม้อินทรีย์: เลือกผลไม้จากกระบวนการผลิตแบบอินทรีย์ เพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมีและยาฆ่าแมลง
- วิตามินซีไม่ควรมากเกินไป: แม้วิตามินซีจะละลายในน้ำและร่างกายขับออกได้ แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณพอเหมาะ
- น้ำตาลในผลไม้: ผลไม้หวานเช่นลิ้นจี่ควรรับประทานพอประมาณ เพราะมีฟรุกโตสสูง
- ยาควรใช้เมื่อจำเป็น: แม้ยาแผนปัจจุบันจะมีประโยชน์ แต่ไม่ควรพึ่งพามากเกินไป ให้โอกาสร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเอง
- หากอาการรุนแรง: ต้องไปพบแพทย์ทันที อย่าทนหรือรักษาตัวเองเมื่ออาการรุนแรง
ข้อสำคัญ: การใช้อาหารและสมุนไพรเป็นการป้องกันและเสริมภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่การรักษาโรค หากมีอาการป่วยรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ทันที
สรุป: ความมั่นคงทางอาหารและการเสริมภูมิคุ้มกันแบบไทยๆ
ประเทศไทยมีความโชคดีที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีผลไม้และสมุนไพรมากมายที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้อย่างธรรมชาติ การใช้สารอาหารธรรมชาติที่ธรรมชาติประทานให้เรา การใช้อาหารเป็นธรรมชาติบำบัด และการดูแลร่างกายให้พร้อมจะสู้กับเชื้อโรค คือหลักการสำคัญของการเสริมภูมิคุ้มกัน จำไว้ว่า: "เสริมภูมิคุ้มกันก่อนป่วยดีกว่ารักษา" การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยอาหารและการใช้ชีวิตที่ดี จะช่วยให้เรามีสุขภาพแข็งแรงและพร้อมรับมือกับโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตามได้ในรายการกินอยู่คือ วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส