ในยุคที่ทุกอย่างต้องรวดเร็วทันใจ การดูคลิปสั้นๆ บนโซเชียลมีเดียกลายเป็นพฤติกรรมประจำวันของคนทั่วโลก คลิปเพียง 10 วินาทีก็อาจทำให้เรารู้สึกว่า "นานเกินไป" และต้องการเลื่อนผ่านไปหาอะไรใหม่ๆ ทันที ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในสมองที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมากกว่าที่เราคิด
พฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ของมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากเมื่อก่อนที่เราสามารถดูคลิปยาวหลักสิบนาทีได้อย่างสบายใจ ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าแม้แต่คลิป 10 วินาทีก็ยังรู้สึกยาวนาน นี่คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "Brain Rot" หรือ "สมองเน่า" - ภาวะที่กำลังเป็นที่กังวลในวงการแพทย์และจิตวิทยาทั่วโลก
คำว่า "Brain Rot" หรือ "สมองเน่า" ไม่ได้หมายความว่าสมองของเราเสียหายหรือเน่าเปื่อยจริงๆ แต่เป็นคำศัพท์ที่อธิบายภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญาและจิตใจที่เกิดจากการเสพคอนเทนต์คุณภาพต่ำหรือคลิปสั้นมากเกินไป โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ
งานวิจัยทางประสาทวิทยาพบว่า การดูคลิปสั้นอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อการทำงานของสมองในหลายระดับ เมื่อเราดูคอนเทนต์ที่เปลี่ยนแปลงไวและให้ความตื่นเต้นแบบทันที สมองจะหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกดีและต้องการความสนุกสนานมากขึ้น
เมื่อเราดูคลิปสั้นตลอดเวลา สมองจะต้องปรับตัวให้ทำงานแบบ "ไฟฟ้าแสง" เพื่อรับมือกับข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การหลั่งโดปามีนจะต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและบ่อยครั้ง จนกลายเป็นการสร้าง "ความคาดหวังใหม่" ให้กับสมอง ผลที่ตามมาคือสมองจะปรับระบบการทำงานให้เข้ากับรูปแบบการรับข้อมูลแบบรวดเร็วนี้ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "สมาธิสั้นเทียม" คือความไม่สามารถอยู่กับกิจกรรมใด ๆ ได้นาน ๆ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นโรคสมาธิสั้นแต่กำเนิดก็ตาม
การเปลี่ยนแปลงในสมองจากการเสพคลิปสั้นมากเกินไปจะปรากฏในรูปของอาการต่างๆ ที่สังเกตได้ในชีวิตประจำวัน
วัยรุ่นในปัจจุบันที่เติบโตมากับเทคโนโลยีดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิด Brain Rot เพราะสมองของพวกเขายังอยู่ในช่วงพัฒนา การได้รับสิ่งเร้าแบบรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจะส่งผลต่อการพัฒนาของระบบประสาทและการควบคุมตนเอง วัยรุ่นที่มีอาการ Brain Rot มักจะมีพฤติกรรมใจร้อนมากขึ้น เพราะธรรมชาติของวัยรุ่นอยู่แล้วก็มีความใจร้อน เมื่อเติมด้วยการเสพคลิปสั้นที่ทุกอย่างต้องเร็ว จะทำให้ความใจร้อนเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok, YouTube Shorts, Instagram Reels และ Facebook Reels ต่างแข่งขันกันสร้างคอนเทนต์ที่สั้นและไวมากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาเข้าใจดีว่าพฤติกรรมของผู้ใช้มีแนวโน้มจะเลื่อนผ่านสิ่งที่รู้สึกว่านานเกินไป อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้และนำเสนอคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดความสนใจได้ภายใน 3 วินาทีแรก ด้วยความรวดเร็ว ความตื่นเต้น และเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์
งานวิจัยพบว่าระยะเวลาที่ผู้คนสามารถมีสมาธิจดจ่อในการดูคอนเทนต์กำลังสั้นลงเรื่อย ๆ จากเมื่อก่อนที่สามารถดูหนังหรือรายการโทรทัศน์ยาว ๆ ได้หลายชั่วโมง ปัจจุบันกลับรู้สึกอึดอัดและต้องการความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงส่งผลต่อการบริโภคสื่อเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการทำงาน การเรียน และการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย หลายคนพบว่าตนเองไม่สามารถอ่านหนังสือ ฟังการบรรยาย หรือทำงานที่ต้องการสมาธิอย่างต่อเนื่องได้เหมือนเดิม
แม้ว่าจะไม่สามารถหลีกหนีจากคลิปสั้นได้ทั้งหมดในยุคปัจจุบัน แต่เราสามารถสร้างวินัยและปรับพฤติกรรมเพื่อลดผลกระทบได้
ปรากฏการณ์ Brain Rot หรือ "สมองเน่า" เป็นผลพวงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การเสพคลิปสั้นมากเกินไปส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง โดยเฉพาะระบบการหลั่งโดปามีนและความสามารถในการควบคุมสมาธิ
การตระหนักรู้ถึงปัญหานี้เป็นก้าวแรกสำคัญในการป้องกันและแก้ไข ถึงแม้เราจะไม่สามารถหลีกหนีจากเทคโนโลยีได้ทั้งหมด แต่เราสามารถสร้างวินัยในการใช้และเลือกเสพคอนเทนต์อย่างมีสติ การฝึกฝนสมาธิ การตั้งขีดจำกัดเวลา และการหากิจกรรมทดแทนที่เสริมสร้างการพัฒนาสมอง จะช่วยให้เราสามารถควบคุมเทคโนโลยีแทนที่จะปล่อยให้มันควบคุมเรา
สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างสมดุลระหว่างโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่เพิ่มคุณค่าให้กับชีวิต ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำลายความสามารถทางสติปัญญาและคุณภาพชีวิตในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำอย่างสม่ำเสมอจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตใจและการทำงานของสมองในระยะยาว
ติดตามชมได้ในรายการ TIC TAC TECH เรื่องไม่เล็กเทคโนโลยี วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 06.05 - 06.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live
ในยุคที่ทุกอย่างต้องรวดเร็วทันใจ การดูคลิปสั้นๆ บนโซเชียลมีเดียกลายเป็นพฤติกรรมประจำวันของคนทั่วโลก คลิปเพียง 10 วินาทีก็อาจทำให้เรารู้สึกว่า "นานเกินไป" และต้องการเลื่อนผ่านไปหาอะไรใหม่ๆ ทันที ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในสมองที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันมากกว่าที่เราคิด
พฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ของมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากเมื่อก่อนที่เราสามารถดูคลิปยาวหลักสิบนาทีได้อย่างสบายใจ ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่าแม้แต่คลิป 10 วินาทีก็ยังรู้สึกยาวนาน นี่คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "Brain Rot" หรือ "สมองเน่า" - ภาวะที่กำลังเป็นที่กังวลในวงการแพทย์และจิตวิทยาทั่วโลก
คำว่า "Brain Rot" หรือ "สมองเน่า" ไม่ได้หมายความว่าสมองของเราเสียหายหรือเน่าเปื่อยจริงๆ แต่เป็นคำศัพท์ที่อธิบายภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญาและจิตใจที่เกิดจากการเสพคอนเทนต์คุณภาพต่ำหรือคลิปสั้นมากเกินไป โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ
งานวิจัยทางประสาทวิทยาพบว่า การดูคลิปสั้นอย่างต่อเนื่องส่งผลต่อการทำงานของสมองในหลายระดับ เมื่อเราดูคอนเทนต์ที่เปลี่ยนแปลงไวและให้ความตื่นเต้นแบบทันที สมองจะหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกดีและต้องการความสนุกสนานมากขึ้น
เมื่อเราดูคลิปสั้นตลอดเวลา สมองจะต้องปรับตัวให้ทำงานแบบ "ไฟฟ้าแสง" เพื่อรับมือกับข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การหลั่งโดปามีนจะต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและบ่อยครั้ง จนกลายเป็นการสร้าง "ความคาดหวังใหม่" ให้กับสมอง ผลที่ตามมาคือสมองจะปรับระบบการทำงานให้เข้ากับรูปแบบการรับข้อมูลแบบรวดเร็วนี้ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "สมาธิสั้นเทียม" คือความไม่สามารถอยู่กับกิจกรรมใด ๆ ได้นาน ๆ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นโรคสมาธิสั้นแต่กำเนิดก็ตาม
การเปลี่ยนแปลงในสมองจากการเสพคลิปสั้นมากเกินไปจะปรากฏในรูปของอาการต่างๆ ที่สังเกตได้ในชีวิตประจำวัน
วัยรุ่นในปัจจุบันที่เติบโตมากับเทคโนโลยีดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิด Brain Rot เพราะสมองของพวกเขายังอยู่ในช่วงพัฒนา การได้รับสิ่งเร้าแบบรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจะส่งผลต่อการพัฒนาของระบบประสาทและการควบคุมตนเอง วัยรุ่นที่มีอาการ Brain Rot มักจะมีพฤติกรรมใจร้อนมากขึ้น เพราะธรรมชาติของวัยรุ่นอยู่แล้วก็มีความใจร้อน เมื่อเติมด้วยการเสพคลิปสั้นที่ทุกอย่างต้องเร็ว จะทำให้ความใจร้อนเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น TikTok, YouTube Shorts, Instagram Reels และ Facebook Reels ต่างแข่งขันกันสร้างคอนเทนต์ที่สั้นและไวมากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาเข้าใจดีว่าพฤติกรรมของผู้ใช้มีแนวโน้มจะเลื่อนผ่านสิ่งที่รู้สึกว่านานเกินไป อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้และนำเสนอคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดความสนใจได้ภายใน 3 วินาทีแรก ด้วยความรวดเร็ว ความตื่นเต้น และเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์
งานวิจัยพบว่าระยะเวลาที่ผู้คนสามารถมีสมาธิจดจ่อในการดูคอนเทนต์กำลังสั้นลงเรื่อย ๆ จากเมื่อก่อนที่สามารถดูหนังหรือรายการโทรทัศน์ยาว ๆ ได้หลายชั่วโมง ปัจจุบันกลับรู้สึกอึดอัดและต้องการความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงส่งผลต่อการบริโภคสื่อเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการทำงาน การเรียน และการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย หลายคนพบว่าตนเองไม่สามารถอ่านหนังสือ ฟังการบรรยาย หรือทำงานที่ต้องการสมาธิอย่างต่อเนื่องได้เหมือนเดิม
แม้ว่าจะไม่สามารถหลีกหนีจากคลิปสั้นได้ทั้งหมดในยุคปัจจุบัน แต่เราสามารถสร้างวินัยและปรับพฤติกรรมเพื่อลดผลกระทบได้
ปรากฏการณ์ Brain Rot หรือ "สมองเน่า" เป็นผลพวงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การเสพคลิปสั้นมากเกินไปส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง โดยเฉพาะระบบการหลั่งโดปามีนและความสามารถในการควบคุมสมาธิ
การตระหนักรู้ถึงปัญหานี้เป็นก้าวแรกสำคัญในการป้องกันและแก้ไข ถึงแม้เราจะไม่สามารถหลีกหนีจากเทคโนโลยีได้ทั้งหมด แต่เราสามารถสร้างวินัยในการใช้และเลือกเสพคอนเทนต์อย่างมีสติ การฝึกฝนสมาธิ การตั้งขีดจำกัดเวลา และการหากิจกรรมทดแทนที่เสริมสร้างการพัฒนาสมอง จะช่วยให้เราสามารถควบคุมเทคโนโลยีแทนที่จะปล่อยให้มันควบคุมเรา
สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างสมดุลระหว่างโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่เพิ่มคุณค่าให้กับชีวิต ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำลายความสามารถทางสติปัญญาและคุณภาพชีวิตในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำอย่างสม่ำเสมอจะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตใจและการทำงานของสมองในระยะยาว
ติดตามชมได้ในรายการ TIC TAC TECH เรื่องไม่เล็กเทคโนโลยี วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 06.05 - 06.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live