แชร์

Copied!

โอนผิดไม่ใช่เรื่องเล่น เสี่ยงกลายเป็นมิจฉาชีพ !

4 พ.ค. 6811:46 น.
โอนผิดไม่ใช่เรื่องเล่น เสี่ยงกลายเป็นมิจฉาชีพ !

สารบัญประกอบ

    โอนเงินผิดบัญชี เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะโอนเพื่อซื้อของ จ่ายค่าบริการ หรือส่งให้คนรู้จัก แต่การกรอกเลขผิดเพียงหลักเดียว อาจทำให้เงินหลุดไปถึงคนแปลกหน้า หากปลายทางไม่คืนเงิน หรือเป็นมิจฉาชีพ ผู้โอนอาจเสียหายหนัก และหากทวงเงินคืนผิดวิธี เช่น ข่มขู่ หรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว ก็อาจมีปัญหาทางกฎหมายตามมา บางรายอาจถูกหลอกซ้ำจากมิจฉาชีพที่อ้างจะช่วยโอนเงินคืนอีกด้วย Thai PBS Verify นำเอาวิธีการป้องกันปัญหาเหล่านี้มาไว้ที่นี่

    1. การแจ้งธนาคารทันที

    เมื่อพบว่าเกิดการโอนเงินผิดบัญชี ไม่ว่าจะเป็นการโอนให้บุคคลอื่นผิดคน หรือกรอกเลขบัญชีผิดพลาด ควรรีบติดต่อธนาคารต้นทางที่ทำรายการโอนเงินโดยเร็วที่สุด เพราะความรวดเร็วในการแจ้งปัญหา จะช่วยเพิ่มโอกาสในการดำเนินการแก้ไข เช่น การอายัดยอดเงิน หรือยกเลิกรายการโอน ก่อนที่เงินจะถูกถอนออกจากบัญชีปลายทาง หากปล่อยไว้นาน ผู้รับเงินอาจถอนเงินไปใช้ ทำให้ธนาคารไม่สามารถเรียกคืนได้ง่าย ๆ
    ขั้นตอนแรก คือ เตรียมเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน เช่น สลิปการโอนเงิน ภาพหน้าจอข้อความแจ้งเตือนจากแอปฯ ธนาคาร วันและเวลาที่โอน ชื่อบัญชีที่โอนผิด หมายเลขบัญชีของผู้รับ และจำนวนเงินที่โอน ทั้งหมดนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร สามารถติดตามและประสานงานกับธนาคารปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การติดต่อธนาคารควรทำผ่านช่องทางที่เป็นทางการ เช่น สาขาใกล้บ้าน, คอลเซนเตอร์ของธนาคาร หรือผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร (กรณีที่มีระบบแชตหรือแจ้งปัญหา) และควรจดชื่อเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องไว้ด้วย เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามผลในภายหลัง

     

    โอนผิดไม่ใช่เรื่องเล่น เสี่ยงกลายเป็นมิจฉาชีพ !

    2. วิธีการติดต่อผู้รับโอนผิดบัญชี

    หากโอนเงินผิดบัญชี ธนาคารสามารถช่วยประสานงานให้ผู้รับเงินคืนได้ หากยังไม่ได้ถอนหรือใช้จ่าย โดยไม่ต้องพบกัน ช่วยลดความตึงเครียดและป้องกันการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ อย่าโอนเงินคืนเองหากมีคนอ้างว่าโอนผิดบัญชี เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของกลลวง ควรให้ธนาคารเป็นผู้ตรวจสอบและจัดการคืนเงิน เพื่อความปลอดภัยทั้งด้านการเงินและกฎหมาย

    3. การดำเนินการทางกฎหมาย

    หากผู้รับเงินโอนผิดบัญชีไม่ยินยอมคืนเงิน และการเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ หรือในกรณีที่เริ่มมีข้อสงสัยว่า อีกฝ่ายมีเจตนาทุจริตหรืออาจเข้าข่ายฉ้อโกง การดำเนินการทางกฎหมายถือเป็นขั้นตอนที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้เสียหาย และดำเนินการติดตามเงินคืนอย่างเป็นทางการ

    ขั้นตอนแรกคือการ ติดต่อสถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อแจ้งความและ ลงบันทึกประจำวัน ระบุรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน เช่น วันที่และเวลาที่โอนเงิน จำนวนเงิน ชื่อและเลขบัญชีของผู้รับที่ผิด รวมถึงการติดต่อกับธนาคารหรือผู้รับเงินที่ผ่านมา การลงบันทึกไว้จะช่วยให้มีหลักฐานรองรับหากต้องมีการดำเนินคดีในภายหลัง

    เอกสารที่ควรเตรียมไปในวันแจ้งความ ได้แก่

    3.1 สลิปหรือหลักฐานการโอนเงิน

    3.2 เอกสารการแจ้งเหตุและตอบกลับจากธนาคาร

    3.3 ภาพหน้าจอการสนทนา (ถ้ามี)

    3.4 ข้อมูลบัญชีปลายทางที่โอนผิด

    3.5 สำเนาบัตรประชาชนของตนเอง

    4. ป้องกันไม่ให้กลายเป็นมิจฉาชีพ

    การโอนเงินผิดบัญชีไม่เพียงแต่ทำให้คุณสูญเสียเงินเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหากมีการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด หรือถูกหลอกให้โอนซ้ำอีกครั้ง ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดคือการ ตรวจสอบข้อมูลบัญชีทุกครั้งก่อนทำธุรกรรมการเงิน โดยเฉพาะหมายเลขบัญชีธนาคาร, ชื่อเจ้าของบัญชี และยอดเงินที่ต้องโอน ควรตรวจสอบให้ตรงกับที่ได้รับแจ้งมา และหากระบบแสดงชื่อผู้รับไม่ตรงกับข้อมูลที่คุณมี ควรหลีกเลี่ยงการโอนทันที

    ข้อควรระวังเพิ่มเติม ได้แก่

    - หลีกเลี่ยงการโอนเงินให้บุคคลที่คุณไม่รู้จัก หรือบุคคลที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตน

    - อย่าให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม เช่น รหัส OTP หรือสลิปการโอน แก่บุคคลอื่น

    - หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบัญชีปลายทาง ให้โทรสอบถามกับธนาคารโดยตรง

    - ควรใช้แอปพลิเคชันของธนาคารที่น่าเชื่อถือและตั้งค่าความปลอดภัยให้แน่นหนา

    ในกรณีที่พบว่าข้อมูลผู้รับโอนไม่ตรง หรือสงสัยว่าอาจเป็นบัญชีของมิจฉาชีพ ควรยกเลิกการทำธุรกรรมทันที และติดต่อธนาคารเพื่อขอคำแนะนำ หลีกเลี่ยงการติดต่อหรือโอนเงินซ้ำซ้อน เพราะอาจทำให้ตกเป็นเหยื่อได้โดยง่าย

     

    โอนผิดไม่ใช่เรื่องเล่น เสี่ยงกลายเป็นมิจฉาชีพ !

    5. การแจ้งความและการใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย

    ในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อผู้รับเงินผิดบัญชีได้ หรือเมื่อมีการเจรจาแต่ผู้รับไม่ยินยอมคืนเงิน การดำเนินการทางกฎหมาย ถือเป็นทางเลือกที่จำเป็นและสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากมีพฤติกรรมที่ส่อถึงการฉ้อโกงหรือหลอกลวง การแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะช่วยให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งเป็นช่องทางที่ช่วยให้ผู้เสียหายได้รับความคุ้มครองตามสิทธิ์ที่กฎหมายกำหนด

    เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ควรดำเนินการดังนี้

    1. ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้านทันที พร้อมเล่าเหตุการณ์โดยละเอียด

    2. ขอให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

    3. เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สลิปการโอนเงิน สำเนาการแจ้งต่อธนาคาร และข้อมูลบัญชีปลายทาง

    4. หากมีข้อความการสนทนา เช่น แชตจากโซเชียลมีเดียหรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอน ควรนำไปด้วย

     

    โอนผิดไม่ใช่เรื่องเล่น เสี่ยงกลายเป็นมิจฉาชีพ !

    การแจ้งความ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ติดตามผู้กระทำผิด และปกป้องสิทธิ์ทางกฎหมายของผู้เสียหาย โดยเฉพาะกรณีพบเจตนาโกงก็สามารถใช้สิทธิ์ตามกฎหมายช่วยป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ดังนั้นจำไว้ว่าการโอนเงินผิดบัญชีอาจเกิดขึ้นได้ แต่การดำเนินการที่ถูกต้องและรวดเร็ว เช่น แจ้งธนาคารและติดตามผล จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการถูกหลอกลวง

    ข้อมูลจาก : 

    ตำรวจภูธรภาค 9 : www.police9.go.th/ทำอย่างไร-เมื่อหลงกลโอน 

    กระทรวงยุติธรรม : https://www.moj.go.th/view/59848

    สารบัญประกอบ