EN

แชร์

Copied!

บริจาคเงินอย่างไรไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

31 ส.ค. 6808:00 น.
บริจาคเงินอย่างไรไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
การสร้างความสุขทางใจ หนึ่งในวิธีที่คนมักเลือกทำคือการบริจาค ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือสิ่งของ รวมกับจริตของคนไทยที่มีความเห็นอกเห็นใจและชอบช่วยเหลือผู้อื่น จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันการบริจาคจะมีเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว พร้อมกับความสะดวกสบายจากช่องทางบริจาคออนไลน์ที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วยตัวเอง

แต่เมื่อพื้นที่นี้กลายเป็นโอกาสทอง มิจฉาชีพก็เริ่มใช้ช่องทางดังกล่าวล่าเหยื่อ ดังนั้นคำถามสำคัญคือ เราจะทำอย่างไรให้การบริจาคยังคงเป็นบรรทัดฐานของการทำดีต่อไป ยังคงเป็นสิ่งที่รอคำตอบเช่นกัน

CIB เผยกลโกงมิจฉาชีพ แอบอ้างกระแส-ศาสนา เปิดบัญชีปลอมหลอกบริจาค

พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)

พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)

พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดเผยถึงรูปแบบกลโกงที่มิจฉาชีพนิยมใช้ว่า มักอาศัยเหตุการณ์หรือกระแสที่สังคมให้ความสนใจ เช่น เหตุการณ์ตึกถล่ม หรือภัยพิบัติต่าง ๆ แล้วเปิดรับบริจาคผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมักสร้างเพจหรือยิงโฆษณาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีที่อ้างว่าใช้ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ

รองผู้บังคับการ CIB เตือนประชาชนว่า หากพบเห็นข้อความเชิญชวนให้บริจาคในโซเชียลมีเดีย ควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่า เลขที่บัญชีดังกล่าวเป็นขององค์กรที่มีตัวตนจริงหรือไม่ โดยอย่างน้อยชื่อบัญชีต้องตรงกับชื่อหน่วยงานที่อ้างถึง ไม่ใช่บัญชีบุคคลทั่วไปที่นำชื่อองค์กรมาแอบอ้าง หากสงสัยควรโทรสอบถามหน่วยงานนั้นโดยตรง เช่น กรณีที่มีการอ้างชื่อโรงพยาบาล แต่ใช้บัญชีส่วนบุคคล ควรตรวจสอบกับโรงพยาบาลก่อนว่า มีการเปิดรับบริจาคจริงหรือไม่

บริจาคเงินอย่างไรไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

นอกจากนี้มิจฉาชีพมักอาศัยช่วงเทศกาล หรือความเชื่อด้านศาสนา เช่น การไถ่วัว ไถ่ควาย ทำบุญ เพื่อล่อให้คนบริจาค โดยใช้ข้อความที่จบลงด้วยเลขบัญชีเป็นตัวดึงดูด ดังนั้น หัวใจสำคัญของการไม่ถูกหลอก คือการตรวจสอบเลขที่บัญชีทุกครั้ง ว่าเป็นขององค์กรจริงหรือมีประกาศทางการจากหน่วยงานนั้นหรือไม่

พ.ต.อ.เนติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันพบกลโกงส่วนใหญ่อยู่บนโซเชียลมีเดีย ทั้งการเรี่ยไรเงินที่อ้างว่าพิการหรือเดือดร้อน แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน แนะ ตรวจสอบบัญชีก่อนบริจาค

ดร. พีรภัทร ฝอยทอง ทนายความและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการเงินและธนาคาร

ดร. พีรภัทร ฝอยทอง ทนายความและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการเงินและธนาคาร

ดร. พีรภัทร ฝอยทอง  ทนายความและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการเงินและธนาคาร กล่าวว่า แม้เราจะบริจาคให้กับหน่วยงานที่ถูกต้อง เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน หรือองค์กรต่าง ๆ แต่ก็ยังมีโอกาสถูกโกงได้ หากมีบุคลากรบางรายภายในองค์กรนั้น แอบแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ดังนั้น การบริจาคจึงเป็นเรื่องของ “ความสบายใจ” ของผู้ให้ 

“เราอยากบริจาคให้หน่วยงานหรือองค์กรใด เมื่อบริจาคไปแล้วก็คือเสร็จสิ้น แต่หากต้องการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพจริง ๆ ผู้บริจาคควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่า เงินที่โอนนั้นเข้าบัญชีของหน่วยงานโดยตรง ไม่ใช่บัญชีส่วนบุคคล”

ยกตัวอย่างเช่น กรณีวัดพระบาทน้ำพุ ที่บางคนโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลทั่วไปแทนที่จะเป็นบัญชีชื่อองค์กร ซึ่งทำให้ตกเป็นเหยื่อได้ง่ายกว่า เพราะบัญชีบุคคล แม้เจ้าของบัญชีจะเป็นกรรมการบริษัท กรรมการมูลนิธิ หรือบุคคลมีชื่อเสียง ก็ไม่มีหลักประกันว่า จะนำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์การบริจาค ขณะที่หากเงินเข้าบัญชีชื่อองค์กรจริง การเบิกถอนจะมีกระบวนการตรวจสอบและเข้มงวดกว่า

บริจาคเงินอย่างไรไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

ภาพระบบตรวจสอบการบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Donation ของกรมสรรพากร

ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้พัฒนาระบบตรวจสอบการบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Donation เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ผู้บริจาคสามารถตรวจสอบข้อมูลการบริจาคของตนเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th ซึ่งช่วยยืนยันได้ว่า เงินบริจาคถูกส่งตรงไปยังหน่วยงานหรือองค์กรที่ขึ้นทะเบียนไว้อย่างถูกต้อง

กฎหมายควบคุมการเรี่ยไรและการบริจาค

สำหรับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบริจาค คือ พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 ซึ่งกำหนดว่า ผู้ใดจะทำการเรี่ยไรหรือขอรับบริจาคจากประชาชน ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายยกเว้น เช่น งานบุญหรืองานประเพณี และห้ามมิให้มีการเรี่ยไรที่เข้าข่ายหลอกลวงหรือสร้างความเดือดร้อน หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษดังนี้

ผู้ที่เรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ที่ได้รับอนุญาตแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข มีโทษเช่นเดียวกัน คือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากเป็นการเรี่ยไรที่มีลักษณะ ฉ้อโกงหรือหลอกลวง อาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาเพิ่มเติมด้วย

ดังนั้น การบริจาคให้หน่วยงานหรือมูลนิธิต่าง ๆ ควรเริ่มจากการตรวจสอบชื่อบัญชีให้ชัดเจน ต้องเป็นชื่อของหน่วยงานหรือมูลนิธิจริง ๆ วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เราตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ