EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว: ชาวกัมพูชาโพสต์คลิปอ้างครอบครัวทหารไทยประท้วงให้นำร่างกลับ แท้จริงเป็นคลิปม็อบที่ดินสวนยางใน จ.นครศรีฯ

13 ส.ค. 6815:48 น.
การเมือง#ข่าวปลอม
ตรวจสอบแล้ว: ชาวกัมพูชาโพสต์คลิปอ้างครอบครัวทหารไทยประท้วงให้นำร่างกลับ แท้จริงเป็นคลิปม็อบที่ดินสวนยางใน จ.นครศรีฯ

พบเพจ facebook ชาวกัมพูชา โพสต์ข่าวปลอมอ้างครอบครัวทหารไทยสูญหายหลังการสู้รบ ออกมาประท้วงให้นำร่างกลับคืน แท้จริงเป็นคลิปม็อบที่ดินทำกินสวนยางพาราใน จ.นครศรีธรรมราช

จากการตรวจสอบเรื่องนี้ Thai PBS Verify พบว่าเป็น “ข่าวปลอม” ที่มีลักษณะ “บิดเบือน” โดยใช้ภาพเหตุการณ์การประท้วงเรื่องที่ดินทำกินในพื้นที่ ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช มาประกอบกับข้อความเท็จเพื่อสร้างความเข้าใจผิด

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาข่าวปลอมจาก : Facebook

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงโพสต์ปลอมจากผู้ใช้บัญชีชาวกัมพูชา อ้างครอบครัวทหารไทยประท้วงให้นำร่างกลับ

Thai PBS Verify ตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กชื่อ “បោយ រើយ” ซึ่งเป็นบัญชีของชาวกัมพูชา ที่มีผู้ติดตามราว 13,000 คน เนื้อหาส่วนใหญ่นำเสนอเกี่ยวกับข่าวสารด้านการทหารของกัมพูชา และความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา โพสต์คลิปของม็อบจำนวนมาก พร้อมข้อความระบุว่า “គ្រួសារពលរដ្ឋ ថៃ ដែលទាហានបាត់ខ្លួន ដែលបាញ់គ្នាជាមួយ កម្ពុជា 5 យប់ 6ថ្ងៃ នាំគ្នាតវ៉ា អោយរដ្ឋាភិបាល និង មេទាហាន បង្ហាញសាកសព បើស្លាប់យកសពអោយ កុំទុកអោយត្មាតស៊ី បើនៅរស់ បង្ហាញមុខ !” ทั้งนี้เมื่อแปลด้วยเครื่องมือ Google Translate แปลข้อความดังกล่าวได้ว่า “ครอบครัวของคนไทยที่ทหารสูญหายหลังการสู้รบกับกัมพูชาเป็นเวลา 5 คืน 6 วัน กำลังประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้นำทหารนำศพมาแสดง หากพวกเขาเสียชีวิต ให้เก็บศพไว้และอย่าปล่อยให้เป็นสาธารณะ” ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าชมชาวกัมพูชาเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ตัวอย่างคลิปที่ถูกอ้างว่าครอบครัวทหารไทยประท้วงทวงร่างทหารไทย

อย่างไรก็ตามเราพบว่า ภายในคลิปมีการพูดด้วยภาษาใต้ เราจึงนำภาพนิ่งจากคลิปดังกล่าวมาตรวจสอบผ่าน Google Lens พบข่าวจากเพจเฟซบุ๊ก สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช มีการโพสต์ภาพนิ่งการประท้วงข้อพิพาทที่ดินทำกินสวนยางพาราใน ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งภาพดังกล่าวมีสภาพทางกายภาพใกล้เคียงกับในคลิป

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงผลการค้นหาด้วย Google Lens พบว่าภาพจากคลิปปลอม (ซ้าย) มีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับข่าวการประท้วงข้อพิพาทที่ดินทำกินใน จ.นครศรีธรรมราช (ขวา)

เราจึงนำคลิปดังกล่าวมาทำการค้นหาภาพย้อนหลังด้วยคีย์เฟรมจากเครื่องมือตรวจสอบภาพดิจิทัล InVid-WeVerify จนพบว่า ชายที่อยู่ในคลิปดังกล่าว ตรงกับภาพจากโพสต์ของเพจ สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ที่ได้โพสต์เอาไว้เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 68 อีกด้วย

ภาพบันทึกหน้าจอแสดงภาพเหตุการณ์ประท้วงข้อพิพาทที่ดินทำกินสวนยางพารา (ซ้าย) เปรียบเทียบกับ ภาพจากคลิปปลอม (ขวา)

สำหรับเหตุการณ์ในคลิปนั้น จากการตรวจสอบพบว่า Thai PBS ได้รายงานข่าวเหตุการณ์ชุมนุมเรียกร้องที่ดินทำกินในพื้นที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 68 ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นมีการปะทะกันจนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 14 คน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา แต่อย่างใด

เป็นเรื่องยากที่ประชาชนกัมพูชาจะเข้าถึงข้อเท็จจริง

รศ. พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล นักวิจัยสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความต้องการที่จะสร้างข้อมูลเท็จ โดยเฉพาะความต้องการที่จะทำให้เห็นข้อมูลความเสียหายของฝั่งไทย เพราะในฝากฝั่งของกัมพูชานั้น ปัจจุบันเกิดกรณีร่างของทหารเสียชีวิตจำนวนมากที่ยังคงไม่ได้มีการถูกนำกลับมาให้กับครอบครัว ดังนั้นซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ จึงเป็นการต้องการที่จะดิสเครดิต เพื่อให้ประชาชนของตนเองได้รู้สึกว่าประเทศไทยก็ได้รับความเสียหาย หรือไม่รับผิดชอบกับความสูญเสียของทหารด้วยเช่นเดียวกัน

รศ. พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล นักวิจัยสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทั้งนี้ในส่วนของความขัดแย้งในปัจจุบัน เชื่อว่าเป้าหมายของกัมพูชาคงไม่ได้ต้องการพื้นที่ชายแดน แต่เป้าหมายหลัก ๆ อาจจะเป็นการต้องการสร้างกระแสชาตินิยมภายในประเทศ เพราะการเมืองในประเทศของกัมพูชา กำลังถูกคุกคาม โดยเฉพาะการถูกกล่าวหาว่าเป็นประเทศสแกมเมอร์จากมหาอำนาจ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ดังนั้นกระแสชาตินิยมจึงเป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ได้ฐานเสียงกลับมาอีกครั้ง ซึ่งการนำเสนอข่าวในลักษณะนี้ ถือว่าเป็น Psychological Warfare หรือ สงครามข่าวเชิงจิตวิทยา ซึ่งสำหรับกัมพูชาแล้วเชื่อว่า ยังสามารถใช้กับประชาชนในประเทศของเขาได้ เนื่องจากช่องทางในการสื่อสารของกัมพูชามีไม่มากพอ รวมถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารหรือการ Verify ข่าวในประเทศของกัมพูชาก็ยังไม่มี อีกทั้งสื่อหลักของกัมพูชา ก็ถูกควบคุมโดยรัฐบาล จึงเป็นไปได้ยากที่ประชาชนในประเทศ จะได้รับข่าวสารที่เชื่อถือได้ และส่วนใหญ่อาจจะไม่มีเวลามากพอ ที่จะติดตามข่าวสารหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง

กระบวนการตรวจสอบ

  • ตรวจสอบเนื้อหาและที่มา

    • แปลข้อความจากภาษาเขมรด้วย Google Translate เพื่อดูเนื้อหาที่ถูกกล่าวอ้าง

  • วิเคราะห์ภาพและวิดีโอในโพสต์ต้นทาง

    • พบว่าผู้พูดในคลิปใช้ ภาษาใต้ ไม่ใช่ภาษาในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา

  • ค้นหาต้นตอภาพ/คลิป

    • ใช้ Google Lens เพื่อตรวจสอบภาพนิ่งจากคลิป

    • พบภาพจากเพจ “สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช” เกี่ยวกับการประท้วงที่ดินทำกิน ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

  • ตรวจสอบเชิงลึกด้วย InVid-WeVerify

    • แยกคีย์เฟรมจากคลิปแล้วค้นหาย้อนหลัง

    • ยืนยันว่าภาพตรงกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 68 ในจังหวัดนครศรีธรรมราช

ผลกระทบจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเหล่านี้

  • สร้างความเข้าใจผิดในประเด็นความขัดแย้งไทย–กัมพูชา
    ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเกิดเหตุรุนแรงใหม่ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

  • ทำให้ข้อมูลจริงถูกบดบัง
    ข่าวเท็จจำนวนมากจะกลบข่าวจริง ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลผิดเพี้ยน

ภาพแสดงความคิดเห็นของชาวกัมพูชาที่หลงเชื่อข่าวดังกล่าว

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  • ตรวจสอบแหล่งที่มา

    • ดูว่ามาจากเพจ/บัญชีที่น่าเชื่อถือหรือไม่

    • ตรวจสอบประวัติการโพสต์ของเพจนั้น ๆ ว่ามีแนวโน้มเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนหรือไม่

  • ใช้เครื่องมือค้นหาภาพและวิดีโอ

    • Google Lens, หรือ InVid-WeVerify เพื่อตรวจสอบว่าภาพ/คลิปถูกนำมาจากเหตุการณ์อื่นหรือไม่

  • ตรวจสอบเนื้อหาภาษาและสภาพแวดล้อม

    • ฟังสำเนียง/ภาษา

    • สังเกตรายละเอียดเช่นป้าย, เครื่องแต่งกาย, ภูมิประเทศ

  • เทียบข้อมูลกับสื่อหลัก

    • ค้นหาข่าวจากสำนักข่าวที่น่าเชื่อถือ เพื่อดูว่ามีรายงานตรงกับสิ่งที่โพสต์หรือไม่

  • หลีกเลี่ยงการแชร์ต่อ

    • หากยังไม่มั่นใจว่าจริงหรือเท็จ ให้หยุดแชร์หรือส่งต่อ

  • รายงานต่อแพลตฟอร์ม

    • ใช้ฟังก์ชัน “รายงานโพสต์” ใน Facebook เพื่อแจ้งเนื้อหาบิดเบือน